อัปเดต ผู้บริหารสาว ยัน 'บิดเบือน' ปมเมาแล้วขับ เตรียมสำนวนฟ้องศาล

จากกรณี หญิงวัย 51 ปี ผู้บริหารบริษัทดังระดับโลก ขับรถเบนซ์หรู ถูกจับ 'เมาแล้วขับ' แถมยังถีบหน้า รอง ผกก.บก.จร. โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา บริเวณฝั่งตรงข้ามมัสยิด ถนนเลียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา 'เมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่' นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ

ล่าสุด (30 เม.ย. 67) ได้มอบอำนาจให้ทนาย ยื่นหนังสือ Notice ให้แก้ข่าวที่เป็นเท็จ และข้อมูลบิดเบือนในเรื่องคดี ปี 2565 ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิด ในระหว่างนี้ ทางเราอยู่ในระหว่างการเตรียมสำนวนฟ้องเพื่อดำเนินการในชั้นศาลภายในต้นสัปดาห์หน้า

 

 

ลำดับเหตุการณ์

ขณะควบคุมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนที่ สน.ประเวศ ผู้ต้องหาได้ขัดขืนพร้อมทั้งด่าทอเจ้าหน้าที่ ถ่ายคลิปวิดีโอ และใช้เท้าถีบเข้าบริเวณใบหน้าข้างขวาของ  รอง ผกก. 1 ครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บ 

 

 

 

ล่าสุด ทางด้านหญิงสาวผู้บริหารบริษัทดังคนดังกล่าวได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยข้อความระบุว่า

 

'ขอบคุณทุกท่านที่ถามไถ่กันมาค่ะ ข้อมูลที่ออกไปมีข้างเดียว บางอย่างไม่เป็นความจริงและถูกบิดเบือน ยังไม่มีการให้ปากคำใดๆทั้งสิ้นในฝั่งเรา รายละเอียดส่วนนั้นจะอยู่ในชั้นสอบสวน และได้มอบหมายทนายเป็นผู้ดำเนินการแล้ว

จุดประสงค์หลัก คือยอมรับในส่วนที่ทำ และใช้หลักฐานชี้แจงในส่วนอื่นๆ แต่ขอไม่เป็นเครื่องมือให้ฝ่ายไหนๆทั้งสิ้น ขออภัยท่านที่ติดต่อมา และเรานิ่งเฉยนะคะ  

ส่วนตัวได้ลาออกจากบริษัทตั้งแต่ต้นปี (แต่มีผลสิ้นเดือนนี้) เพื่อมาพัฒนากองทุน VC จัดหา Seed Funding ให้ Startup ไทย ได้เข้าถึงแหล่งทุน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้เติบโต และขยายสู่ตลาด ตปท.ได้ ถ้าสนใจคุยกันเรื่องนี้ ติดต่อมาได้ค่ะ'

สำหรับข้อมูลที่บิดเบือนนั้น ผู้บริหารท่านดังกล่าวระบุว่า ไม่เคยถูกส่งฟ้องหรือตัดสินคดี ข้อหาเมาแล้วขับ เมื่อปี 65 ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด   
 

ด้าน พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผกก.สน.ประเวศ เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดเรื่อง พนักงานสอบสวนให้ประกันตัวไปแล้ว โดยยังไม่ผัดฟ้อง เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในข้อหาอื่น จึงนัดผู้ต้องหามาให้ข้อมูลในวันนี้ แต่เนื่องจากมีผู้สื่อข่าวไปรอทำข่าวที่ สน.ประเวศ เป็นจำนวนมาก ผู้ต้องหาจึงได้นัดหมายเป็นวันอื่นแทน ซึ่งหากทำการสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาล ใน 3 ข้อหา คือ 'เมาแล้วขับ , ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และทำร้ายร่างกาย'

 

ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ในส่วนของหลักกฎหมาย หากผู้ใดที่ได้มีการกระทำความผิดต่อเจ้าหน้าที่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไม่ละเว้น