แนะเคล็ดลับ วิธีดูแล ยางรถยนต์ ช่วยยืดอายุการใช้งาน - ลดความเสี่ยงยางระเบิด
ปภ. แนะเคล็ดลับ วิธีดูแลรักษา 'ยางรถยนต์' เพื่อยืดอายุการใช้งาน และลดความเสี่ยงยางระเบิด ชี้ ไม่ขับเร็ว-เบรกกะทันหัน ช่วยลดยางเสื่อมสภาพเร็วได้
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ขอแนะข้อควรรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้ดูแลรักษายางรถยนต์ โดยเลือกใช้ ยางรถยนต์ ให้เหมาะสมกับรถ มีขนาดและรุ่นตามมาตรฐานความปลอดภัย หมั่นตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เปลี่ยนยางทุกๆ 2-3 ปี หรือทุกๆระยะ 50,000 กิโลเมตร รวมถึงไม่ควรขับรถเร็ว เบรกรถกะทันหัน หรือขับรถออกตัวแรง เพราะจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว หรือเกิดความร้อนจนยางระเบิดได้
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ยางรถยนต์เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้การขับขี่รถเป็นไปด้วยความปลอดภัย ซึ่งบ่อยครั้งมักเกิดอุบัติเหตุยางระเบิด ที่มีสาเหตุมาจากยางเสื่อมสภาพ เพื่อความปลอดภัย ปภ.ขอแนะการเลือกใช้และดูแลรักษายางรถยนต์อย่างถูกวิธี ดังนี้
เลือกใช้ยางที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย โดยมีรุ่นและขนาดเดียวกันทั้ง 4 เส้น รวมถึงเปลี่ยนยางทุกๆ 2-3 ปี หรือทุกระยะทาง 50,000 กิโลเมตร
เลือกใช้ยางให้เหมาะกับสภาพเส้นทาง กรณีถนนเรียบ ควรใช้ยางที่มีดอกยางละเอียด ร่องยางแคบและถี่ เพื่อเพิ่มพื้นผิวสัมผัสกับหน้าถนน จะช่วยให้ยางยึดเกาะถนนและมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำมากขึ้น และกรณีถนนขรุขระหรือลุยโคลน ควรใช้ยางที่มีดอกยางขนาดใหญ่และร่องยางห่าง เพื่อช่วยสกัดโคลนและหินไม่ให้ติดร่องยาง
การดูแลยางรถยนต์
การดูแลยางรถยนต์ ควรหมั่นตรวจสอบแรงดันลมยางอยู่เสมอ โดยใช้เกจ์วัดลมยางที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากรถแต่ละชนิดมีอัตราการเติมลมแตกต่างกันออกไป หากเติมลมยางอ่อนไปอาจทำให้อายุการใช้งานของยางลดน้อยลง และควรเติมลมยางให้เหมาะสมสภาพการใช้งาน อาทิ ขับรถช่วงฤดูฝน ขับรถทางไกล บรรทุกสิ่งของ ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 2 - 4 ปอนด์ จะช่วยป้องกันหน้ายางบิดตัวและสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่าปกติ ทำให้ยางเกิดความร้อนและเกิดยางระเบิดได้ รวมถึงป้องกันอุบัติเหตุจากการลื่นไถล
อีกทั้งควรตั้งศูนย์และถ่วงล้อให้มีความสมดุล เพื่อป้องกันปัญหาหน้ายางเสื่อมและดอกยางสึกไม่เท่ากัน และเป็นการยืดอายุของยางรถยนต์
ไม่ควรจอดรถตากแดดทิ้งไว้นานๆ จะทำให้ยางสึกหรอและเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าปกติ รวมถึงไม่เบรกรถกะทันหัน หรือขับรถออกตัวแรง เพราะหน้ายางจะเกิดการเสียดสีกับพื้นของถนน ทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น ไม่ขับรถเร็วเพราะจะเกิดแรงเสียดทานและความร้อนสูงทำให้ยางระเบิดได้ ตลอดจนไม่บรรทุกน้ำหนักที่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนมากขึ้น ทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น
หากผู้ขับขี่หมั่นตรวจสอบและดูแลยางอยู่เสมอ พร้อมเติมแรงดันลมยางตามค่ามาตรฐานที่กำหนด จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุทางถนนจากยางรถยนต์ไม่พร้อมใช้งาน
ทั้งนี้ ประชาชนได้ผู้รับความเดือดร้อนจากอุบัติภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ 'ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784' โดยเพิ่มเพื่อน Line ID: 1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 (ตลอด 24 ชั่วโมง)