ก.ค.-ส.ค. นี้ คาดไข้หวัดใหญ่พุ่งสูง กทม. ชวนกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนป้องกัน

ก.ค.-ส.ค. นี้ คาดไข้หวัดใหญ่พุ่งสูง กทม. ชวนกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนป้องกัน

ก.ค.-ส.ค. นี้ คาดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่พุ่งสูง กทม. ชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 3/2567 ณ ห้องนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า และผ่านระบบออนไลน์

ในที่ประชุม สำนักอนามัย รายงานสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญ เช่น โควิด-19 โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เลือดออก และโรคติดเชื้อฝีดาษวานร

โดยสถานการณ์โรคโควิด-19 ในกรุงเทพมหานคร มีลักษณะติดเชื้อตามฤดูกาล (Seasonality) ซึ่งคาดว่าจำนวนการป่วยรายสัปดาห์จะยังเพิ่มขึ้นและน่าจะสูงสุดในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม เป็นสายพันธุ์ JN.1 ปัจจุบันอัตราป่วยตายร้อยละ 0.02 ซึ่งดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงสายพันธุ์เดลต้า (CFR ร้อยละ 2.16 ณ มิ.ย. 64) บ่งชี้ว่าความรุนแรงของโรคลดลง เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันในระดับประชากร ร่วมกับสายพันธุ์ไม่รุนแรง ในส่วนภาพรวมภาระโรคยังไม่ก่อให้เกิดปัญหาเชิงระบบการดูแลรักษาพยาบาล โรงพยาบาลยังมีศักยภาพสูงในการดูแลผู้ป่วย อัตราป่วยตายในกลุ่มผู้ป่วยในลดลงมากเมื่อเทียบกับปี 2566 ทั้งนี้ สำนักอนามัย ขอเน้นย้ำให้ประชาชนดูแลสุขอนามัย สวมหน้ากากอนามัย พบแพทย์หากมีอาการรุนแรงและหลีกเลี่ยงการนำเชื้อไปสู่กลุ่มเปราะบาง

สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ กรุงเทพมหานคร ปี 2567 มีผู้ป่วย จำนวน 21,406 ราย จากจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่า สูงกว่าปี 2566 และสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง และพบผู้เสียชีวิต 2 ราย รายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาล คาดว่าจะมีผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงเดือน กรกฎาคม – สิงหาคม อัตราป่วยสูงสุดพบในเด็กวัยเรียน อายุ 5 – 14 ปี การระบาดเป็นกลุ่มก้อนของโรคไข้หวัดใหญ่ ส่วนใหญ่พบในเรือนจำ โรงเรียน และสถานปฏิบัติธรรม สายพันธุ์ที่พบมีทั้งไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ สายพันธุ์ B ซึ่งปัจจุบันมีการรณรงค์เชิญชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล พร้อมประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนประชาชนในเรื่องการป้องกันโรคและการแพร่กระจายเชื้อ โดยเน้นการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่

สถานการณ์โรคไข้เลือดออก กรุงเทพมหานคร ปี 2567 สัปดาห์ที่ 21 (ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. – 1 มิ.ย. 2567) มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 1,973 ราย เสียชีวิต 3 ราย เมื่อเทียบกับประเทศไทย กรุงเทพมหานครมีอัตราป่วยเป็นลำดับที่ 46 และมีอัตราป่วยเป็นลำดับที่ 6 เมื่อเทียบกับปริมณฑล กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อายุ 5 – 14 ปี รองลงมา คือ อายุ 15 – 34 ปี และอายุ 0 – 4 ปี เมื่อแยกข้อมูลเป็นรายเขตพบว่า 3 เขตที่มีอัตราป่วยสะสมสูงสุด ได้แก่ เขตภาษีเจริญ (แขวงคูหาสวรรค์) เขตดุสิต (แขวงสี่แยกมหานาค) และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย (แขวงคลองมหานาค) สำหรับมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อนำโดยยุงลาย สำนักอนามัยแนะนำให้ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยสงสัยโรคไข้เลือดออกควรทายากันยุงป้องกันยุงกัดทุกรายเพื่อลดการแพร่โรค ตลอดจนผู้ที่อยู่ร่วมบ้านและผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่มีการระบาด เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อจากผู้ป่วยโรคติดต่อนำโดยยุงลายไปสู่ชุมชน

ทั้งนี้ รองผู้ว่าฯ ทวิดา ได้เน้นย้ำในการรณรงค์ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก แม้ว่าปี 67 จะสามารถควบคุมยอดผู้ป่วยได้มากกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดว่าปีนี้จะมีฝนตกหนัก ฉะนั้นการรณรงค์เรื่องโรคไข้เลือดออกต้องมีกิจกรรมเพิ่มเติมและทำอย่างเข้มข้นในพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ลงพื้นที่ตามชุมชน นอกจากนี้ยังต้องรณรงค์เพิ่มเติมในกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มวัยทำงานด้วย

ด้านสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox) กรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดที่มีการติดเชื้อสูงสุดในประเทศไทย สำหรับมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคฝีดาษวานร ยังต้องมีการเฝ้าระวังและเพิ่มมาตรการในการคัดกรองผู้มีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล Pride Month ซึ่งอาจจะมีการเบียดเสียดของคนที่ไปร่วมงานได้