ช็อก! คลิปลับนับ 100 หลักฐานมัด 'ครูดนตรี' โรงเรียนดัง อนาจารเด็ก

ช็อก! คลิปลับนับ 100 หลักฐานมัด 'ครูดนตรี' โรงเรียนดัง อนาจารเด็ก

ช็อก! คลิปลับนับ 100 หลักฐานมัด 'ครูดนตรี' โรงเรียนดัง อนาจารเด็ก ภัยสังคมที่ ผอ.โรงเรียน และผู้บริหาร กระทรวงศึกษาธิการ ทำอะไรอยู่ สั่งให้ออกจากราชการแล้ว

สุดช็อก พ่อแม่ผู้ปกครองน้ำตาตก กรณีคลิปลับนับ 100 เป็นหลักฐานมัด 'ครูดนตรี' โรงเรียนดัง อนาจารเด็ก ถือเป็นภัยสังคม แล้วที่ ผอ.โรงเรียนไม่รู้หรือ และผู้บริหาร กระทรวงศึกษาธิการ ทำอะไรกันอยู่หรือ

ตามที่ นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษา ม.3 โรงเรียนชื่อดัง ระดับประเทศ พร้อมแม่ เข้า แจ้งความ ดำเนินคดี ที่ สน.ทองหล่อ กรุงเทพฯ เอาผิดกับ ครูสอนดนตรี เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา

ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวน สน.ทองหล่อ สอบปากคำครูดนตรีแล้ว และตรวจสอบโทรศัพท์มือถือหรือ สมาร์ทโฟนพบว่า

  • คลิปลับคลิปหลุดอนาจารเด็กจำนวนมาก 

หลังสอบปากคำเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหา

  1. ฐานพรากผู้เยาว์
  2. กระทำอนาจารเด็ก
  3. ทำร้ายร่างกาย
  4. มีสื่อลามกอนาจารเด็กไว้ในความครอบครอง 

ก่อนนำตัวครูดนตรีชั่ว ไปควบคุมที่ห้องควบคุมผู้ต้องหาชั้น 2 สน.ทองหล่อ กรุงเทพฯ

ต่อมา เวลา 11.00 น. ที่ สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า จากการซักถาม นักเรียน ม.3 ผู้เสียหาย

พบว่าก่อเหตุตั้งแต่ เดือน พ.ค. 2566 ขณะนั้นผู้เสียหายมีอายุเพียง 14 ปี ศึกษาอยู่ชั้น ม.2 ครูสอนดนตรีไทยในโรงเรียน บังคับล่วงละเมิดทางเพศ ผู้ต้องหาทุกวันที่โรงเรียนเปิดทำการ ในขณะที่ปิดภาคเรียนต้องมาซ้อมดนตรี ก็ถูกบังคับให้กระทำแบบเดิม

นักเรียน ม.3 โดนบังคับแบบนี้มากกว่า 100 ครั้ง เดือน ต.ค. 2566 และ ก.พ. 2567 ขณะนั้นผู้เสียหายอายุเพียง 14 ปี จนตอนนี้อายุ 15 ปี ก็ยังมีการกระทำแบบเดิม จนถึงวันที่ 24 พ.ค. 2567 เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งมีการกระทำดังกล่าวรวมแล้ว 105 ครั้ง

หลังจากนั้นผู้เสียหายยังดึงดันไม่ยอมไปพบครู จนวันที่ 20 มิ.ย. 2567 ผู้เสียหายถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย ผู้เสียหายจึงนำเรื่องทั้งหมดเล่าให้แม่ฟัง ก่อนไปปรึกษา เพจสายไหมต้องรอด

หลังได้รับแจ้งความ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 สั่งให้ฝ่ายสืบสวนไปที่โรงเรียน โดยแต่งกายนอกเครื่องแบบ ไปตรวจสอบว่าผู้ต้องหายังอยู่หรือไม่ 

ปรากฏว่าพบตัวเลยเชิญตัวมา สน.ทองหล่อ และได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และแฟลชไดรฟ์ 1 อัน จากการตรวจสอบ พบภาพลามกอนาจารของเด็กผู้เสียหายจำนวนมาก สอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหาย ซึ่งคลิปเหล่านี้จะต้องนำมาขยายผลต่อ

 ส่วนผู้เสียหายได้ส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลตำรวจ แล้วเมื่อคืน เพื่อนำผลทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบในสำนวน ในส่วนของผู้ต้องหาเองมีการพิมพ์ลายนิ้วมือ สอบปากคำ และแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมาย ในชั้นจับกุม เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

 จากการสืบสวนไล่เรียงข้อมูลมีเยอะมาก ในมือถือยังพบคลิปวีดีโอ ตั้งแต่ปี 2565 ต่อเนื่องถึง ปี 2567 เชื่อว่าผู้เสียหายไม่ได้มีเพียงคนเดียว ในการถ่ายคลิปผู้ต้องหาไม่ได้บอกวัตถุประสงค์ ว่าถ่ายไว้เพื่อทำการค้าหรือเก็บไว้แบล็คเมล์ผู้เสียหาย

 ทั้งนี้ ทางแม่ของผู้เสียหายเคยแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทางผู้ใหญ่ในโรงเรียนทราบแล้ว และทางโรงเรียนรับปากว่าจะมีการตรวจสอบ แต่ถึงปัจจุบันผ่านมากว่า 6 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้า ครูคนดังกล่าวยังคงมีการสอนหนังสือปกติที่โรงเรียน เหมือนไม่ได้มีการจัดการใดๆ และไม่รู้ว่ามีการจัดการจริงหรือไม่ ซึ่งวันนี้ตลอดทั้งวัน พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำผู้ต้องหา ก่อนคุมตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในวัน 27มิ.ย. 2567 (อ้างอิง - คมชัดลึก)

กลายเป็นเรื่องฮอตโซเชียลในออนไลน์ ว่าผอ.โรงเรียนไม่รู้หรือ และผู้บริหาร กระทรวงศึกษาธิการ ทำอะไรกันอยู่หรือไม่อย่างไร 

อัปเดต เมื่อเวลา 14.30 น. นายเอกภพ  เหลืองประเสริฐ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงานสายไหมต้องรอด และว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมหารือถึงเรื่องที่เกิดขึ้น รวมถึงมาตรการการเยียวยาผู้เสียหาย

ภายหลังการประชุมร่วมกันกว่า 1 ชั่วโมง คณะประชุมได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า เบื้องต้นได้จัดตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งจะให้รายงานผลทุก ๆ 7 วัน และให้ครูคนดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อนโดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะประสานสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาให้พิจารณาพักใช้ใบอนุญาตชั่วคราว 

โดยหลังจากนี้ จะถอดบทเรียนและจะกำชับไปยังทุกโรงเรียนที่อยู่ภายใต้สังกัด สพฐ. ว่า ต่อไปนี้หากมีกิจกรรมหลังเลิกเรียน หรือครูต้องอยู่ลำพังกับลูกศิษย์ จะต้องมีผู้ควบคุมเข้ามาสังเกตุการณ์ ห้ามปล่อยให้ลูกศิษย์อยู่ตามลำพังกับอาจารย์

ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนมารับตำแหน่งได้เพียง 6 เดือน ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ตนมาเป็น ผอ. ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้ปกครองหรือนักเรียนคนใดมาร้องเรียนที่โรงเรียนแต่อย่างใด และตนเพิ่งมาทราบเรื่องราวทั้งหมดวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่ผู้เสียหายมาเล่าให้ผู้ปกครองฟัง โดยหลังเกิดเรื่องตนก็ได้ชี้แจงไปที่สำนักงานเขตฯ เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว