‘ดีอี’ ดัน วิสาหกิจชุมชน ใช้ ‘ไปรษณีย์ไทย’ เป็นศูนย์กระจายสินค้า 50,000 แห่ง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เตรียมผลักดัน เสริมแกร่งขีดความสามารถของชุมชน - วิสาหกิจไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ใช้เครือข่ายไปรษณีย์กว่า 50,000 แห่ง เป็นศูนย์กระจายสินค้า พร้อมด้วยแพลตฟอร์ม e-Marketplace
กระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เตรียมผลักดัน เสริมแกร่งขีดความสามารถของชุมชน - วิสาหกิจไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ใช้เครือข่ายไปรษณีย์กว่า 50,000 แห่ง เป็นศูนย์กระจายสินค้า พร้อมด้วยแพลตฟอร์ม e-Marketplace
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาล เร่งเครื่องยกระดับ เสริมสร้างศักยภาพภาคอุตสาหกรรมเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายรูปแบบใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อเดินหน้าส่งเสริมการเติบโตของผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่ายโครงการและความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ SMEs ไทย โดยคาดว่าจะสามารถสร้างโอกาสทางการตลาดผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้กว่า 200 ล้านบาท
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านเครือข่ายความร่วมมือ DIPROM CONNECTION เพิ่มศักยภาพในด้านโลจิสติกส์ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ระบบต่าง ๆ ที่เป็นดิจิทัล ซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมาย Digital Economy ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
โดยการให้ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต มาตรฐาน และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการจัดเก็บสินค้า และระบบคลังสินค้า การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่ายสินค้าทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ การขยายโอกาสและรองรับความต้องการต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ และเสริมความเป็น Digital SMEs ให้มากขึ้น
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พร้อมผลักดันสินค้าให้กระจายทั่วประเทศ ผ่านเครือข่ายกว่า 50,000 แห่ง และเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม e-Marketplace ที่รวบรวมสินค้าของไทยไว้กว่า 20,000 รายการจากผู้ประกอบการกว่า 6,000 ราย รวมถึงช่องทางจำหน่ายสินค้าออฟไลน์ผ่านร้านค้า ThailandPostMart 17 สาขาในพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งในปี 2566 สามารถสร้างรายได้กว่า 200 ล้านบาท
โดยไปรษณีย์ไทยยังมีแผนในการให้บริการขนส่งสินค้าเข้าคลัง Amazon เพื่อขยายโอกาส และช่องทางให้กับผู้ประกอบการไทยได้ส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดพื้นที่รับวัสดุเหลือใช้ให้แก่สถานประกอบการ ภายใต้โครงการ Green Hub เพื่อนำเข้าสู่การจัดการอย่างถูกวิธี ลดขยะในสถานประกอบการ สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนตามหลักการ Circular Economy และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน