เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด  ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

คุยกับ "โค้ชเป้ ภัททพล เงินศรีสุข" เส้นทาง 34 ปีที่ทุ่มเทให้วงการแบดมินตัน ไม่เพียงตามรอยและทำสิ่งที่ "แม่ปุก" รัก แต่ยังมีเป้าหมายพานักกีฬาแบดมินตันไทยผงาดโลก 2 ปี โอกาส "ชนะ" มากกว่า "แพ้" และมุ่งมั่นพา "วิว กุลวุฒิ" ขึ้นบัลลังก์มือ 1 โลก

จากชมรมแบดมินตัน “บ้านทองหยอด” สู่โรงเรียน และมีผลผลิตคือ “นักกีฬาแบดมินตันระดับโลก” ทั้ง “เมย์ รัชนก อินทนนท์” ที่คว้าแชมป์โลกหญิงเดี่ยวในวัย 18 ปี ไม่เพียงสร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทย แต่ยังเป็นตำนาน “นักแบดมินตันแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุด” อีกด้วย

บ้านทองหยอด ไม่หยุดสร้างความยิ่งใหญ่ให้นักกีฬาแบดมินตัน เพราะสามารถผลักดันให้ “วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์” ก้าวเป็นแชมป์โลกชายเดี่ยว “คนแรกของประเทศไทย” ที่สำคัญ ล่าสุด สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาแบดมินตันไทยคนแรกที่ได้ “เหรียญเงิน” ในการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิก 2024” ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ไม่เพียงความสำเร็จที่น่าชื่นชมโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด และยังเป็นผู้สร้างตำนาน สร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้นสำหรับวงการแบดมินตันประเทศไทยด้วย

กรุงเทพธุรกิจ มีโอกาสได้สัมภาษณ์ โค้ชเป้ ภัททพล เงินศรีสุข ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนแบดมินตันบ้านทองหยอด ผู้ที่เป็นทั้ง “บุตรชาย” ของ “แม่ปุก กมลา ทองกร” เป็นก่อผู้ตั้งชมรมแบดมินตันบ้านทองหยอด โดยสละพื้นที่บางส่วนของบ้านเพื่อสานฝันในสิ่งที่รักหรือ Passion ของตนเอง

เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด  ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

“แม่ปุก” เป็นทุกอย่างสำหรับ “โค้ชเป้”

ในวันที่ “วิว กุลวุฒิ” ลงสนามแบดเพื่อหวดลูกขนไก่ให้เข้ารอบแต่ละรอบของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก “โค้ชเป้” และ “โค้ชอาร์ท” หรือ พ.ต.ท. พงศ์พณัฐ กฤตานุกูลย์ ที่คอยวางแผนกลยุทธ์ แก้ไขรูปเกมเพื่อทำให้ “วิว” มีชัยเหนือคู่แข่ง

ทว่า “โค้ชเป้” อาจถูกพูดถึงในวงกว้าง เพราะมีวรรคทองที่สร้างขวัญและกำลังใจให้นักกีฬาในสนามได้เป็นอย่างดี ไม่กดดัน จนนักกีฬาต้องเกร็ง โดยหนึ่งในวรรคทองที่ถูกส่งต่อบนโลกออนไลน์คือ

“พี่บอกแล้วไง เอ็งจะหาประสบการณ์อย่างนี้ไม่ได้แล้ว เอ็งจะแพ้ชนะ ไม่เป็นไร เอ็งเอาความรู้ ความรู้สึก วิธีคิด วิธีเล่น เอาไปใช้ เรียนรู้จากเขา เขาคือสุดยอด”

นี่ไม่เพียงลดทอนความกดดันให้นักกีฬา อีกมิติ คือการยกย่อง “คู่แข่ง” อย่าง “วิคเตอร์ อเซลเซ่น” เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกแบดมินตันชายเดี่ยว 2 สมัยซ้อนด้วย

เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด  ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

“โค้ชเป้” เป็นนักฬาแบดมินตันคนแรกของบ้านทองหยอดที่ได้แข่งขันกีฬาโอลิมปิก กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อปี 2547 ในประเภทชายคู่กับ “สุดเขต ประภากมล”

“ผมเล่นแบดฯตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และอยู่ในวงการแบดฯมาก็เป็นเวลา 34 ปีแล้ว” โค้ชเป้ เล่าเส้นทางลูกขนไก่ของตนเอง

สำหรับการเล่นแบดมินตันของ “โค้ชเป้” เกิดจากความรักในกีฬาแบดฯของคุณแม่หรือแม่ปุก

“แบดฯเป็นสิ่งที่แม่อยากทำ แม่ชอบแบดฯมาก แม่เป็นคนให้ทุกอย่าง พูดตรงๆนะ..เป็นหนี้เป็นสินก็เอาเหอะ ทำกันมาแล้ว ผมเองเล่นแบดฯ ทำตรงนี้ก็เพราะคุณแม่”

ปั้นนักกีฬาขึ้นแท่นระดับโลก ใช้เงิน 5-6 ล้านบาท

โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด สร้าง 2 กีฬาแบดมินตันที่ยิ่งใหญ่ จาก “เมย์ รัชนก” ถึง “วิว กุลวุฒิ” ไม่ง่าย ระหว่างทางกว่าจะดังหรือประสบความสำเร็จ ต้องใช้เงินไม่น้อย เพราะในการเดินสายแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ การมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คนดูแลนักกีฬา ค่าซ้อม ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก พี่เลี้ยง คู่ซ้อม ฯ ล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้น

เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด  ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

ปัจจุบันสโมสรบ้านทองหยอดมีผู้สนับสนุนหรือสปอนเซอร์ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสิงห์ หรือบุญรอดบริวเวอรี่ ภายใต้น้ำดื่มสิงห์ ที่อยู่เบื้องหลัง คอยซัพพอร์ตมากว่า 10 ปี หรือตั้งแต่ปี 2556 ยังมีบางจาก ข้าวตราฉัตร และโตโยต้า เป็นต้น

“ปั้นนักกีฬา 1 คนเพื่อไประดับโลกอย่างวิว เมย์ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 5-6 ล้านบาท แต่เฉลี่ยขั้นต่ำ 4 ล้านบาท ก็พอ..ซึ่งเราก็ต้องบริหารจัดการ ซัพพอร์ตนักกีฬาเราได้ ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการลงทุน และกีฬาไม่เหมือนธุรกิจ ไม่สามารถลงทุนแล้วเป็นตามโปรเซสได้” โค้ชเป้บอก และขยายความเชิงเปรียบเทียบการสร้างนักกีฬากับโรงงานผลิตขนมไทยบ้านทองหยอดว่า

“เพราะกีฬา ผลผลิตของเราคือมนุษย์ คือสิ่งมีชีวิต อย่างโรงงานขนมทองหยอด ใส่สูตรผสมแป้งปุ๊บออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เรียบร้อย แต่กีฬาไม่ใช่อย่างนั้น

เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด  ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

อย่างไรก็ตาม เมื่อแบดมินตัน ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้สปอนเซอร์ แบรนด์สินค้าต่างๆเข้ามาสนับสนุน ซึ่ง “โค้ชเป้” บอกว่าเม็ดเงินอยู่ในระดับที่เพียงพอ พร้อมทั้งเอ่ยปากชื่นชมหนึ่งในผู้สนุบสนุนสำคัญอย่าง “สิงห์”

“สโมสรบ้านทองหยอดมีวันนี้ได้ ก็คือสิงห์..สิงห์เลย คุณสันติ (ภิรมย์ภักดี) ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดีมาก ท่านคุยกับผมว่า ถึงแม้จะไม่มีผลงาน สิงห์ก็จะสนับสนุน ให้ทำไปเลยโดยไม่ต้องคิดเรื่องผลงาน เพราะท่านรู้ว่ากีฬามีแพ้-ชนะ และไม่ได้ทำกันง่ายๆ รวมถึงคุณต๊อด ปิติ(ภิรมย์ภักดี) ทำเต็มที่ ก่อนนักกีฬาแบดมินตันไปแข่งขันโอลิมปิก 2024 ได้พาน้องๆไปทานข้าวและคุยกันตลอด”

เพชรเม็ดงามวงการกีฬา ขอ “นิสัย-มายด์เซ็ทดี” ฝีมือฝึกได้

เมื่อนักกีฬาประสบความสำเร็จ จาก “น้องเมย์ รัชนก” แชมป์โลกแบดมินตันหญิงเดี่ยวอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ถึง “น้องวิว กุลวุฒิ” แชมป์โลกแบดมินตันชายเดี่ยวไทย และเหรียญเงินโอลิมปิก 2024 การมองเห็น “เพชรเม็ดงาม” เพื่อมาปั้นให้เป็นนักกีฬาผงาดโลกของ “โค้ชเป้” มีสูตรลับหรือไม่อย่างไร

เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด  ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

คำตอบคือ อันดับแรก ดูที่นิสัย ดูบุคลิก หากนักกีฬาคนไหนเป็น “คนคิดดี ทำดี เป็นคนดี” ผสานกับมองแล้วมีโอกาสโต พร้อมจะนำมาเจียระไนให้เปล่งประกายบนเส้นทาง

“จริงๆแล้ว จุดเริ่มต้นของคนเราอยู่ที่นิสัย กรอบความคิดหรือ Mindset นิสัยคนค่อนข้างยากที่จะสอน เรื่องฝีมือ เรื่องอะไรเนี่ย ฝึกกันได้ อย่างวิว เขาเป็นเด็กที่กตัญญูมาก และพร้อมที่จะเรียนรู้ ที่สำคัญคือถ่อมตัว เมย์กับวิวเหมือนกันคือเป็นคนที่ถ่อมตัว แม้วันนี้เค้าจะเป็นอย่างนี้(มีชื่อเสียง)แต่เดินเข้าไปในโรงเรียนเขายังเหมือนเดิม เจอผู้ปกครองสวัสดี เฮฮากับรุ่นน้องเหมือนเดิม”

สโมสรบ้านทองหยอดปั้น “เมย์-วิว” ติดทำเนียบแชมป์โลกแล้ว ปัจจุบันมองเห็นเด็กที่มีแววเจริญรอยตามรุ่นพี่ได้หลายคน หนึ่งในนั้นคือ “ส้ม สรัลรักษ์ วิทิตศานต์” น้องสาววิว กุลวุฒิ นั่นเอง

เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด  ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

บทเรียน “เมย์ รัชนก” บางอย่างคนเราชนะได้ เว้นชนะธรรมชาติ

เมื่อภารกิจสำคัญของสโมสรบ้านทองหยอด และ “โค้ชเป้” ในฐานะ ผอ.คือการผลักดันนักกีฬาแบดมินตันของไทยให้ขึ้นแท่นระดับโลกตามรอยรุ่นพี่ ทว่า บทเรียนใหญ่จาก “เมย์ รัชนก” เป็นสิ่งที่สอนให้การพัฒนาและออกแรงผลักนักกีฬาต้อง “ค่อยเป็นค่อยไป” ไม่หักโหม

“ในสโมสรบ้านทองหยอดมีนักกีฬาแบดฯที่จะเป็นเจนเนอเรชั่นต่อไป มีเข้ามาเรื่อยๆ แต่เราพูดตรงๆ เราจะไม่ Push หนักมากเหมือนเมย์ จะค่อยๆผลักดันเหมือนวิว เพราะเมย์ เราทำมากจนเขาไม่ไหว..เราเองก็ผิดนะ..ผมเองยอมรับว่าบางทีเราก็ผิดด้วย” โค้ชเป้ บอกและเล่าต่อว่า เมื่อเมย์ประสบความสำเร็จเป็นแชมป์โลกอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ทำให้ทุกคนพุ่งเข้ามาหา ซึ่งหน้าที่สำคัญคือการดูแลเมย์ให้ดีด้วย

“อย่างเมย์ตอนนั้นอายุ 18 ปี ร่างกายขนาดนั้น เราจะไป Push เขาทุกอย่างไม่ไหว เราเอาตรงนั้นมาเรียนรู้และใช้กับวิว คือค่อยๆไป เพราะบางอย่างคนเราชนะอะไรก็ได้ แต่เอาชนะธรรมชาติไม่ได้”

ถอดรหัส “วิว กุลวุฒิ” ชนะ “ฉือ หยู่ฉี” มือ 1 โลก

เส้นทางแบดมินตันของ “วิว กุลวุฒิ” เต็มไปด้วยด่านหิน กระดูกชิ้นโตในการแข่งทัวร์นาเมนต์ต่างๆ จึงมีทั้งตกรอบ เข้ารอบ เข้าชิง และเป็นแชมป์ ทว่า “โอลิมปิก 2024” เป็นหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ของ สโมสรบ้านทองหยอด “โค้ชเป้” ตัว “น้องวิว” รวมถึงความหวังคนไทยทั้งประเทศ ที่อยากเห็นประวัติศาสตร์

เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด  ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

ในการแข่งขันนัด 8 คนสุดท้าย วิวต้องเจอมือ 1 ของโลกอย่าง ฉือ หยู่ฉี(Shí Yǔqí) ซึ่งหากแฟนแบดติดตามจะรู้ว่า นี่คือตัวเต็งคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ทว่า วิวเอาชนะอาฉีได้แบบเหนือชั้น

แผนและกลยุทธ์แห่งชัยชนะดังกล่าว “โค้ชเป้” เผยว่า วันนั้นบอกเลยว่าอยู่ที่ตัวเขา(วิว)กับตัวอาฉีอย่างเดียว ไม่ได้อยู่ที่ใคร เราชนะเขา(อาฉี)ก็คือความมั่นใจ เขา(อาฉี)ชนะเราก็คือความมั่นใจ

“เราต้องทำลายความมั่นใจเขา(อาฉี) ลงไปวิวไม่ต้องสนใจอะไร ผมบอกให้เราเป็นรองแน่ ที่เจอจีน มือ 1 ของโลก เราเป็นรองมาก เจอกัน 3 ครั้ง เราแพ้เขาหมด แต่วันนั้นเราพร้อมด้วย ซ้อมมาพร้อม เรื่องแบบแผนการเล่นเราเตรียมมาหมดแล้ว”

อย่างไรก็ตาม การไปโอลิมปิกครั้งนี้ โค้ชเป้ มีความมั่นใจในตัววิวอย่างมาก ว่าต้องมี “เหรียญโอลิมปิก” ติดมือแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้จะเป็นเหรียญอะไรเท่านั้น และแต่ละรอบที่ชนะคู่แข่ง รู้ถึงความพร้อม การทำดีที่สุดแล้ว จนถึงวันชิงเหรียญทองประวัติศาสตร์เกิดขึ้น

“เพราะเราทำงานหนัก ทำเต็มที่ เห็นเขา(วิว)ซ้อม ผมมั่นใจว่ามีเหรียญแน่นอน ซึ่งถึงรอบชิง เหรียญอะไรก็ได้ แต่อย่างน้อยๆ เราขอให้เขา(วิว)ได้อะไรจากการไปโอลิมปิกครั้งแรกของเขา”

เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด  ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

มุ่งพาแบดฯไทยคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ใน 2 ปี สร้างโอกาสชนะต้องมากกว่าแพ้!

34 ปีบนเส้นทางตบลูกขนไก่ จากนักกีฬาทีมชาติ “ทายาท” ผู้สวมบท ผอ.โรงเรียนบ้านทองหยอด และเป็น “โค้ชเป้” ของน้องๆนักกีฬาแบดมินตัน เป้าหมายต่อไปของ “โค้ชเป้” คือสานฝันของแม่ปุก ผู้ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับแบดมินตันไทย จึงหวังพานักกีฬาคว้า “เหรียญทองโอลิมปิก” ให้ได้

“เป้าหมายสูงสุดคือคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ที่ยังไม่ได้ แต่ก็ใกล้เคียง และผมคิดว่าเรามาถูกทาง แต่ยังไม่ดีพอที่จะทำได้ เราเองต้องพัฒนาตัวเอง น้องๆก็พร้อมพัฒนาอยู่แล้ว”

นอกจากนี้ ภายใน 2 ปี ยังมองการทำให้นักกีฬาแบดมินตันของไทยมีเปอร์เซ็น “ชนะ” มากกว่า “แพ้” พัฒนาสมรรถภาพร่างกายของนักกีฬาและเพิ่มความเร็ว ทำให้น้องๆมีความสม่ำเสมอในการสร้างผลงาน นี่ยังเป็นกลยุทธ์ในการผลักดัน “วิว กุลวุฒิ” เพื่อก้าวสู่บัลลังก์ “มือ 1 ของโลก” ให้ได้

“ความยากสุดในการทำให้นักกีฬาประสบความสำเร็จ อยู่ที่การทำงานอย่างเป็นระบบ เราไม่สามารถทำจากตัวผู้ฝึกสอน หรือนักกีฬาได้ ต้องมีทุกภาคส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงองค์ความรู้ที่ต้องพัฒนา ต่อยอดนักกีฬาไทยเรื่อย” โค้ชเป้ บอกพร้อมย้ำสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” กล่าวว่า กระทรวงฯพร้อมที่จะสนับสนุนวงการกีฬา นักกีฬา จึงเชื่อว่าภาพรวมจะดีขึ้นเรื่อยๆได้

เปิดใจ ‘โค้ชเป้’ บ้านทองหยอด  ปั้นนักแบดฯไทยผงาดโลก ‘นิสัย-มายด์เซ็ท’ มาก่อน

“โค้ชเป้” ได้ทิ้งท้ายถึงแฟนๆแบดมินตันไทย และวงการกีฬา อยากให้ติดตามเชียร์ ให้กำลังใจนักกีฬาไทยทุกคน เพราะนักกีฬาไทยลงแข่งขัน ล้วนทุ่มเททำเต็มที่ ทว่า มีหลากปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จบ้าง หรือไม่ประสบความสำเร็จบ้าง

“แต่อย่างน้อยๆผมเชื่อว่านักกีฬาทุกคนที่ลงสนาม ทำเพื่อประเทศไทย ทำเพื่อคนที่ให้กำลังใจ สนับสนุนพวกเขา ส่วนแบดมินตัน วิว กุลวุฒิ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เหมือนที่เมย์ เคยสร้างไว้ให้นักแบดฯไทยมีความมั่นใจมากขึ้น เมื่อลงแข่งทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ”