จับสาวราชการ จนท.กองคลัง โกงเงินร่วมแสน แอบหักโบนัสเพื่อนร่วมงาน

จับสาวราชการ จนท.กองคลัง โกงเงินร่วมแสน แอบหักโบนัสเพื่อนร่วมงาน

ตำรวจสอบสวนกลาง CIB จับอดีตเจ้าหน้าที่กองคลัง อบต.โกงเงินร่วมแสน แอบหักโบนัสเพื่อนร่วมงาน ส่งผู้ร่วมขบวนการด้วยกัน หนีหมายจับนานกว่า 8 ปี

กรณีจับสาวราชการ จนท.กองคลัง "โกงเงิน"ร่วมแสน แอบหักโบนัสเพื่อน ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกันจับกุม นางสาวนพดา ในฐานความผิด

  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ 
  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใด ได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ 
  • ฐานเป็นผู้ใช้ให้เจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ล

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 162 (1) ประกอบมาตรา 84 และมาตรา 90

สถานที่จับกุม  บริเวณหน้าบ้าน ในซอยหมู่บ้านมหาวงศ์ 2 ถนนรถไฟเก่า ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

สาวราชการ จนท.กองคลัง โกงเงินร่วมแสน

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันสืบสวนกรณีมีการทุจริตในภาครัฐ โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ต่อมาได้นำหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จับกุมตัว นางสาวนพดาฯ อดีตพนักงานจัดเก็บรายได้ อบต.วังทองแดง จว.สุโขทัย

ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการจัดเก็บรายได้ และรับหน้าที่อื่นเป็นหัวหน้ากองคลังของ อบต. ได้ร่วมกับพวกกว่า 5 ราย หักยอดเงินโบนัสเพื่อนเข้ากระเป๋าตัวเอง เอาไปใช้ส่วนตัว เสียหายนับแสน 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. สืบสวนจนทราบว่า หลังจากลาออก ยังไม่ชดใช้เงินคืน หลบหนีมาอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ จนสามารถจับกุมตัวได้ที่ บ้านย่านถนนรถไฟเก่า ตำบลสำโรงใต้  อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งผู้ต้องหาหลบหนีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบัน

ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ และให้การเพิ่มเติมว่า ทำมาแล้วหลายครั้งโดยไม่เคยนำส่งเงินดังกล่าวคืนรัฐแม้แต่บาทเดียว โดยทำในลักษณะเป็นขบวนการภายในองค์กรตนเอง นำเงินไปใช้ส่วนตัว ยอดรวมนับแสนที่เสียหายไป 

หลังจากนั้นเกิดความไม่สบายใจต่อตนเอง เพราะสุดท้ายแล้วตำแหน่งหน้าที่ของตนรับบทหนัก จึงชิ่งหนี ลาออกก่อนจะถูกไล่ออก แล้วหนีมากบดานที่จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนคนที่ร่วมขบวนการยังลอยนวลอยู่ ขอให้ บก.ปปป. ช่วยดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีให้เหมือนตัวเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้นำส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ดำเนินคดี

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. สั่งการให้ พ.ต.อ.ศานุวงษ์  คงคาอินทร์  ผกก.4 บก.ปปป. พ.ต.ท.สุชาติ  พลเมืองดี  รอง ผกก.4 บก.ปปป., พ.ต.ท.ไสว จันทร์มา ,พ.ต.ท.อำนวย วิชิตโสภณ และ พ.ต.ต.อัครพล ปัทมานุสรณ์  สว.กก.4 บก.ปปป.   ดำเนินการ