รวมมาตรการ 'แก้หนี้นอกระบบ' กระทรวงการคลัง เคลียร์จ่ายไปแล้วกว่า 16,593 ราย

รวมมาตรการ 'แก้หนี้นอกระบบ' กระทรวงการคลัง เคลียร์จ่ายไปแล้วกว่า 16,593 ราย

กระทรวงการคลัง เผยความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อ “แก้หนี้นอกระบบ” ร่วมกับธนาคารธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ โดยประชาชนได้รับความช่วยเหลือไปแล้ว 16,593 ราย รวมทั้งสิ้น 783.13 ล้านบาท

กระทรวงการคลัง เผยความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อ “แก้หนี้นอกระบบ” ร่วมกับธนาคาร ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ โดยประชาชนได้รับความช่วยเหลือไปแล้ว 16,593 ราย รวมทั้งสิ้น 783.13 ล้านบาท

รวมมาตรการ \'แก้หนี้นอกระบบ\' กระทรวงการคลัง เคลียร์จ่ายไปแล้วกว่า 16,593 ราย

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของการดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของกระทรวงการคลังที่ร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผ่านมาตรการสินเชื่อต่าง ๆ ได้แก่ โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชน สินเชื่อเพื่อชำระหนี้สินนอกระบบ สินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน รวมถึงมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ

ผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 14 สิงหาคม 2567 มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 16,593 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 783.13 ล้านบาท โดยมีจำนวนประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นจากแถลงข่าวกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 ทั้งสิ้น 738 ราย หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 4.65 และเป็นยอดอนุมัติที่เพิ่มขึ้น 26.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 3.56

สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์

สำหรับ เจ้าหนี้นอกระบบ กระทรวงการคลังได้ส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีลักษณะเป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ ทั้งแบบมีหรือไม่มีหลักประกัน มีการพิจารณาสินเชื่อที่ยืดหยุ่น โปร่งใส เป็นธรรม คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

โดยอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ จะต้องมีอัตราไม่เกิน ร้อยละ 36 ต่อปี จึงเป็นทางเลือกของประชาชนที่จะกู้ยืมเงิน เพื่อเป็นช่องทางให้เจ้าหนี้นอกระบบสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้แก่ประชาชนรายย่อย โดยนิติบุคคล (บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด) ที่

สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ สามารถดูข้อมูลการยื่นคำขออนุญาตได้ที่ www.1359.go.th หรือโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1359


แก้หนี้นอกระบบได้ที่ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

สำหรับประชาชนที่มีหนี้นอกระบบสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือ ณ จุดให้คำปรึกษาปัญหาหนี้นอกระบบของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามได้ที่ สายด่วนของธนาคารออมสิน โทร. 1115 และ สายด่วนของ ธ.ก.ส. โทร. 0 2555 0555 

นอกจากนี้ สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาและความช่วยเหลือโดยตรงจากหน่วยงานของภาครัฐผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่

  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน 1599 ศูนย์ดำรงธรรม สายด่วน 1567 
  • ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม โทร. 0 2575 3344
  • ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359

ร่วมกับ ธอส. จัดงานมหกรรมแก้ไขหนี้ภาคครัวเรือนพร้อมกันทั่วประเทศ แบบ One Stop Service 

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า การจัดงาน “มหกรรมแก้ไขหนี้ภาคครัวเรือน” พร้อมกันทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 เพื่อให้ประชาชนสามารถแก้ไขหนี้กับ ธอส.ได้ครบจบในวันเดียวแบบ One Stop Service โดยมี 2 มาตรการ ประกอบด้วย

1. มาตรการช่วยเหลือ “DC1” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM ลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี สามารถผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 3.55% ต่อปี และ +100 บาท เป็นระยะเวลา 2 ปี

กรณีลูกค้าชำระเกินกว่าที่ธนาคารกำหนด ให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี) ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม  - 30 ธันวาคม 2567

2. มาตรการช่วยเหลือ “DC2” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 4 เดือนแรก 0% ต่อปี โดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน เดือนที่ 5-8 ผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 1.90% เพียง 50% และ +100 บาท และเดือนที่ 9 - 12 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 3.90% เพียง 50% และ +100 บาท

กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี) ทั้งนี้ ดอกเบี้ย 50% ของงวดที่ 5-12 ธนาคารจะพักชำระไว้ เมื่อลูกค้าผ่อนชำระครบตามเงื่อนไขจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 50% ช่วงที่อยู่ในมาตรการ ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม  - 30 ธันวาคม 2567