อาลัย 'ชรินทร์ นันทนาคร' 91 ปี ศิลปินแห่งชาติ ประวัติชีวิตนักร้องระดับตำนาน

อาลัย 'ชรินทร์ นันทนาคร' 91 ปี ศิลปินแห่งชาติ ประวัติชีวิตนักร้องระดับตำนาน

เศร้าสุดอาลัย 'ชรินทร์ นันทนาคร' วัย 91 ปี ศิลปินแห่งชาติ เปิดประวัติและเส้นทางชีวิต นักร้องดังระดับตำนาน มีเพลงดัง อย่าง นกเขาคู่รัก สัญญารัก ง้อรัก เชื่อรัก เรือนแพ แสนแสบ ท่าฉลอม

แฟนเพลงเศร้าสุดอาลัย 'ชรินทร์ นันทนาคร' ศิลปินแห่งชาติ เสียชีวิต เมื่อคืนที่ผ่านมา วัย 91 ปี ถือเป็นนักร้องดังระดับตำนานของไทย

ชรินทร์ นันทนาคร ล่าสุดวันนี้ จากไปอย่างสงบ เมื่อคืนวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เวลา 02.23 น. ด้วยโรคชรา หลังเข้ารับการรักษามานานหลายเดือน ที่โรงพยาบาลตำรวจ สิริอายุ 91 ปี

ก่อนหน้านี้แฟนคลับเป็นห่วง ชรินทร์ นันทนาคร ป่วยเป็นอะไร ได้คำตอบคือโรคชรา

นายชรินทร์ นันทนาคร ปัจจุบันอายุ 91 ปี เกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 ที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้เข้ามาศึกษาต่อที่อัสสัมชัญ คอมเมิร์ส กรุงเทพฯ เป็นนักกีฬาฟุตบอล และรักบี้ของโรงเรียน แต่ประสบอุบัติเหตุจนต้องเลิกเล่นกีฬาทุกชนิด

จึงหันมาฝึกหัดการ ร้องเพลง กับนายไศล ไกรเลิศ ครูเพลงไทยสากลคนสําคัญในยุคนั้น จนได้บันทึกแผ่นเสียง เพลง “ดวงใจในฝัน” เมื่อ พ.ศ. 2494

ชรินทร์ นันทนาคร กับเพลงดัง ท่าฉลอม

 

จากนั้นก็ได้บันทึกแผ่นเสียงอีกเป็นจํานวนมาก อาทิ

  • เพลงนกเขาคู่รัก
  • สัญญารัก
  • ง้อรัก
  • เชื่อรัก
  • เรือนแพ
  • แสนแสบ
  • ท่าฉลอม
  • หยาดเพชร
  • ผู้ชนะสิบทิศ
  • ทาสเทวี
  • อาลัยรัก
  • ข้าวประดับดิน ฯลฯ 

เคยได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคําพระราชทานจากเพลง “อาลัยรัก” ได้รับรางวัล กิตติคุณสัมพันธ์ “สังข์เงิน” สาขาใช้ศิลป์สร้างสรรค์ให้เกิดความรัก ชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเป็นผู้ริเริ่มและร่วมสร้างสรรค์เพลง “สดุดีมหาราชา”

 

นายชรินทร์ เป็นนักร้องเพลงไทยสากลที่มีเอกลักษณ์การขับร้องเพลงเป็นของตนเอง ในแบบฉบับของเพลงไทยเดิมผสมผสานกับเพลงไทยสากล

  1. มีท่วงทํานองสูงต่ํา
  2. เอื้อนด้วยน้ําเสียงที่พริ้วมีเสน่ห์ชวนฟัง
  3. ออกเสียงอักขระได้ชัดเจน
  4. เป็นนักร้องที่ใช้น้ําเสียงสร้างศิลปะการขับร้อง ให้แก่ประชาชนมาอย่างยาวนาน
  5. ผลงานเป็นอมตะสืบสานมาจนปัจจุบัน

อาลัย \'ชรินทร์ นันทนาคร\' 91 ปี ศิลปินแห่งชาติ ประวัติชีวิตนักร้องระดับตำนาน

นายชรินทร์ นันทนาคร จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงไทยสากล) ประจําปีพุทธศักราช 2541

ประวัติชีวิต และผลงาน "ชรินทร์ นันทนาคร" ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงไทยสากล)

ประวัตินายชรินทร์ นันทนาคร เดิมชื่อ บุญมัย งามเมือง เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรของนายบุญเกิด และนางจันทร์ดี งามเมือง เมื่อเยาว์วัยเป็นเด็กขี้โรค แม่จึงนําไปยกให้พระตามความเชื่อในขณะนั้น 

เจ้าอาวาสวัดท่าสะต๋อย ได้เปลี่ยนชื่อให้เป็น “ชรินทร์” สมรสกับสปิน เธียรประสิทธิ เมื่อปี พ.ศ. 2500

ชรินทร์ นันทนาคร และลูก ซึ่งเป็นบุตรสาว 2 คน คือ 

  1. ปัญญชลี เพ็ญชาติ 
  2. ปัญชนิตย์ นันทนาคร 

ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ 5 ปี เลิกร้างกัน

ต่อมาได้สมรสกับ เพชรา เชาวราษฎร์ ดาราดัง ในปี พ.ศ. 2512 และ อยู่กินกันมาจวบจนปัจจุบัน

การศึกษาของชรินทร์ นันทนาคร

  • จบการศึกษาวิชาชีพที่โรงเรียนอัสสัมชัญ คอมเมิร์ส 
    ระหว่างเรียน หนังสือที่อัสสัมชัญ เป็นนักกีฬาฟุตบอลและนักรักบี้ของโรงเรียน แต่ประสบ อุบัติเหตุ สะบ้าเข่าแตกต้องเลิกเล่นกีฬาทุกชนิด
     

การทํางานของชรินทร์ นันทนาคร

นายชรินทร์ นันทนาคร ระหว่างเรียนอยู่อัสสัมชัญ คอมเมิร์ส ได้พบกับนายไศล ไกรเลิศ ครูเพลงไทยสากลคนสําคัญในยุคนั้น จึงชักชวนให้ไปเรียนร้อง

จนกระทั่ง ปี พ.ศ.2494 ได้ร้องบันทึกแผ่นเสียงเพลงแรกของนายไศล ไกรเลิศ คือ เพลง “ดวงใจในฝัน” เริ่มมีชื่อเสียงและ มีโอกาสร้องเพลงของนักแต่งเพลงคนอื่น ๆ เช่น นายสมาน กาญจนะผลิน

โดยเฉพาะเพลงแบบสังคีตประยุกต์ที่ใช้ดนตรีไทยเดิมบรรเลงร่วมกับดนตรีสากลเป็นครั้งแรก เช่น เพลงนก เขาคู่รัก สัญญารัก ง้อรัก และเชื่อรัก เป็นต้น

ต่อมาปี พ.ศ.2500 ดาราไทยฟิล์มเลือกให้แสดงภาพยนตร์เป็นพระเอกคู่กับทรงศรี เทวคุปต์ เรื่อง สาวน้อย และ ปี พ.ศ.2501 เข้าทํางานเป็นเลขานุการผู้ตรวจการภาคตะวันออกไกลขององค์การยูซ่อมเกือบ 10 ปี ตลอดระยะเวลายังคงมีผลงานเพลงออกมาสม่ำเสมอ เช่น เรือนแพ, แสนแสบ, ท่าฉลอม, หยาดเพชร, ผู้ชนะสิบทิศ, ข้าวประดับดิน และอาลัยรัก เป็นต้น

ปี พ.ศ.2507 มีความคิดที่จะสร้างภาพยนตร์ และต่อมาในปี พ.ศ.2508 ได้ลาออกจากองค์การยูซ่อม มาสร้างภาพยนตร์ของตนเอง โดยภาพยนตร์ทุกเรื่อง ที่สร้างจะเน้นให้คนไทยรักชาติรักแผ่นดิน จะต้องมีทิวทัศน์ที่สวยงามตามภาค ต่าง ๆ ของประเทศไทย เป็นฉากประกอบเพื่อเผยแพร่ให้คนได้รู้จัก และจะต้องมีเพลงที่ก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ ประกอบในภาพยนตร์ ทุกเรื่อง เช่น 

  • เรื่องเทพบุตรนักเลง (เพลงป่าลั่น) 
  • เรื่องแมวไทย (เพลงมนต์รัก ดอกคําใต้) 
  • เรื่องลูกเจ้าพระยา (เพลงลูกเจ้าพระยา) 

และบางเรื่องจะเน้น ด้านการรักษาความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ เช่น เรื่องเพลงรักดอกไม้บาน, รักข้ามคลอง, ผู้การเรือเร่, ฟ้าสีทอง และบ้านน้อยกลางดง เป็นต้น

ปี พ.ศ.2509 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้อัญเชิญบทเพลงพระราช นิพนธ์ “ลมหนาว” เป็นเพลงเอกของภาพยนตร์ เรื่องลมหนาว และได้เปลี่ยน แปลงความคิดที่จะสร้างภาพยนตร์สารคดีเทิดพระเกียรติมาเป็นสร้างบทเพลง เทิดพระเกียรติ “สดุดีมหาราชา” ไว้ในภาพยนตร์เรื่อง “ลมหนาว” และได้ กลายเป็นเพลงของประชาชนทั้งประเทศตั้งแต่นั้นมา

ปี พ.ศ.2510 ได้รับทุนไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ด้านคอมพิวเตอร์ และการบริหารระหว่างประเทศ กลับมาได้แต่งงานกับเพชรา เชาวราษฎร์ 

 และหลังจากปี พ.ศ. 2514 ได้พักการร้องเพลง โดยหันไปสร้างและกํากับภาพยนตร์ โดยเฉพาะเรื่องแผ่นดินแม่ ได้สร้างในระบบ 70 ม.ม. เป็นเรื่องแรกของประเทศไทย

ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2508 นายชรินทร์ได้สร้างและกํากับภาพยนตร์มา ทั้งหมด รวม 19 เรื่อง กระทั่งปี พ.ศ. 2531 จึงได้พักงานสร้างภาพยนตร์ หันมาทุ่มเทให้กับผลงานเพลงอย่างจริงจัง อาทิ เช่น

  1. ชุด “อภิมหาอมตะนิรันดร์กาล” หมายเลข 13 
  2. ชุด “ชรินทร์ นันทนาคร” กับบทเพลงเหนือกาลเวลา “สุนทราภรณ์” 

โดยเฉพาะชุด “การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต” ได้ทุ่มเทสร้างสรรค์ด้วยความตั้งใจที่จะผลิตผลงานที่มีคุณภาพให้กับวงการเพลงไทยสากล โดยใช้เครื่องดนตรีของแท้ บรรเลงแบบออเครสต้า ผสมเครื่องดนตรีพื้นบ้าน จากภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้

ชรินทร์ นันทนาคร กับผลงานสําคัญ

ชรินทร์สร้างสรรค์ผลงานเพลงเป็นอมตะไว้เป็นจํานวนมาก เป็นนักร้องเพลงไทยสากลที่มีเอกลักษณ์การขับร้องเพลงเป็นของตนเอง ในแบบฉบับของเพลงไทยเดิมผสมผสานกับเพลงไทยสากลที่มีท่วงทํานองสูงต่ํา เอื้อนด้วยน้ําเสียงที่พลิ้ว มีเสน่ห์ชวนฟัง

ผลงานเพลงสําคัญ ๆ ของชรินทร์ มีเป็นจํานวนมาก อาทิ นกเขาคู่รัก, ง้อรัก, เรือนแพ, แสนแสบ, ท่าฉลอม, หยาดเพชร, ผู้ชนะสิบทิศ, ข้าวประดับดิน ทาสเทวี และอาลัยรัก ฯลฯ เพลงเหล่านี้ คือ บทเพลงอมตะที่ยังอยู่ในหัวใจของ นักฟังเพลงมาจนปัจจุบัน

ชรินทร์ นันทนาคร กับรางวัลเกียรติคุณ

  • พ.ศ. 2503 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามสกุลให้ว่า “นันทนาคร” จึงใช้ชื่อ ชรินทร์ นันทนาคร ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2503 เป็นต้นมา
  • พ.ศ. 2514 ได้รับแผ่นเสียงทองคําพระราชทานจากเพลงอาลัยรัก
  • พ.ศ. 2519 ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและถ่ายภาพ ยอดเยี่ยมจากเรื่อง “แผ่นดินแม่” ในงานมหกรรมภาพยนตร์แห่งเอเชีย ที่เมือง ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้
  • พ.ศ. 2527 ได้รับรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ “สังข์เงิน” สาขาใช้ ศิลป์สร้างสรรค์ให้เกิดความรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเป็นผู้ริเริ่ม และร่วมสร้างสรรค์เพลง “สดุดีมหาราชา”

อ้างอิง - กระทรวงวัฒนธรรม