จับครู 'ภาษาอังกฤษ' เคยสอนโรงเรียนดัง ขายยาไอซ์ ถูกใจนัดเซ็กส์แลกเสพ

จับครู 'ภาษาอังกฤษ' เคยสอนโรงเรียนดัง ขายยาไอซ์ ถูกใจนัดเซ็กส์แลกเสพ

เอาไว้ไม่ได้ ตำรวจบุกจับครู 'ภาษาอังกฤษ' เคยสอนโรงเรียนดัง กรุงเทพ แอบขายยาไอซ์ผ่านสื่อออนไลน์ ชี้ถูกใจใครนัดเซ็กส์แลกเสพ

กรณีบุกจับครู 'ภาษาอังกฤษ' เคยสอนโรงเรียนดัง กรุงเทพ แอบขายยาไอซ์ผ่านสื่อออนไลน์ ชี้ถูกใจใครนัดเซ็กส์แลกเสพ

นครบาลแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน ตลอดจนจัดการปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดในทุกระดับ ทั้งการปราบปรามเครือข่ายรายสำคัญ ผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในชุมชน การขยายผลและอายัดทรัพย์สิน การนำผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ตลอดจนการดำเนินการต่อเบาะแสร้องเรียนยาเสพติด อย่างจริงจังและเด็ดขาด

เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เมื่อรับทราบนโยบายเร่งด่วนตามสั่งการของรัฐบาลและผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ได้ออกทำการสืบสวนจนพบข้อมูลว่าในคอนโดแห่งหนึ่งย่านถนนพัฒนาการตัดศรีนครินทร์ มี LGBT อดีตครูมัธยมต้นโรงเรียนชื่อดังหลังลาออกจากการเป็นครู มาซื้อคอนโดหรูลักลอบจำหน่ายยาไอซ์ให้แก่ลูกค้า จึงได้วางแผนเฝ้าดูพฤติกรรม เพื่อเข้าทำการตรวจค้นจับกุมให้ได้โดยเร็ว

จับครู \'ภาษาอังกฤษ\' เคยสอนโรงเรียนดัง ขายยาไอซ์ ถูกใจนัดเซ็กส์แลกเสพ

 

ต่อมา เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 13.30 น. เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ชุดปฏิบัติการที่ 5 นำกำลังไปเฝ้าจุดอยู่ที่คอนโดหรูใกล้แยกพัฒนาการตัดศรีนครินทร์

ตำรวจพบตัวนายบลูตามข้อมูล ขณะกำลังนำถุงกระดาษต้องสงสัยลงวางเพื่อรอให้แก่ลูกค้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวเพื่อทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้น ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์ ) นำหนักรวมถุงประมาณ 1.7 กรัม บรรจุอยู่ภายในกล่องพัสดุ ซุกซ่อนอยู่ในถุงกระดาษสีน้ำตาล

จากการซักถามปากคำนายบลู รับสารภาพว่า

  • กำลังจะนำยาไอซ์ซึ่งอำพรางไว้ในกล่องพัสดุ ซุกซ่อนอยู่ในถุงกระดาษสีน้ำตาล มาวางไว้ให้แก่ลูกค้าซึ่งได้มีการสั่งซื้อผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์
  • พร้อมกับรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเพิ่มเติมว่าบนห้องพักของตนยังมียาไอซ์และอุปกรณ์การเสพ อุปกรณ์การแพ็คจำหน่ายซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง
  • รู้สึกสำนึกในความผิดที่ได้กระทำ จึงได้สมัครใจนำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมขึ้นไปตรวจค้นภายในห้องพักซึ่งอยู่ชั้น 20 ของคอนโด 

จับครู \'ภาษาอังกฤษ\' เคยสอนโรงเรียนดัง ขายยาไอซ์ ถูกใจนัดเซ็กส์แลกเสพ

ผลการตรวจค้นพบของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี จำนวนหลายรายการ โดยมีของกลางสำคัญเกี่ยวกับคดี ประกอบด้วย

  1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) จำนวน 89 ถุง น้ำหนักรวมทั้งหมด 644.7 กรัม หรือกว่าครึ่งกิโลกรัม (ลักษณะใส่ถุงเตรียมแบ่งขาย)
  2. สมุดบัญชีธนาคาร 7 เล่ม 
  3. เข็มฉีกยา จำนวน 141 เข็ม
  4. อุปกรณ์การเสพยาเสพติดและเครื่องชั่งจำนวนหนึ่ง
  5. กล่องพัสดุเปล่าสีน้ำตาล ถุงกระดาษสีน้ำตาล อุปกรณ์การจัดส่งต่าง ๆ 
  6. ถุงพลาสติกใสแบบกดปิด ดึงเปิด สำหรับบรรจุยาเสพติดเพื่อจำหน่าย และพยานหลักฐานอื่นๆ อีกหลายรายการ


โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน

  1. จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์ ) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน
  2. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน โดยผิดกฎหมาย ”

สถานที่จับกุม บริเวณหน้าลิฟท์คอนโดแห่งหนึ่ง ต่อเนื่อง ภายในห้องพักชั้น 20 ในคอนโด ถ.ศรีนครินทร์ แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ

ในขั้นจับกุม จากการซักถามนายบลู สวนหลวง ให้การว่าเดิมทีตนมีอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุง รับราชการครูอยู่ประมาณ 3 ปี

ต่อมาประมาณปี 2562 ตนหลงไปคบหากับคู่ขา ซึ่งเป็นนักค้ายาเสพติดจนติดยาเสพติด (ยาไอซ์) จากนั้นจึงได้ลาออกจากการเป็นครู เริ่มมาขายยาไอซ์ควบคู่กับการเสพ โดยขายผ่านไลน์ส่วนตัว ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 99 เปอร์เซนต์จะเป็นกลุ่ม LGBT

มีการแนะนำกันให้มาสั่งซื้อกับตนผ่านการแอดไลน์ส่วนตัว โดยเมื่อลูกค้ามีการสั่งยากับตนผ่านไลน์ ตนจะแพ็กยาไอซ์ลงในกล่องพัสดุอำพรางด้วยถุงกระดาษสีน้ำตาลอีกชั้นเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต

จากนั้นตนจะนำพัสดุไปวางไว้บริเวณจุดวางพัสดุใต้คอนโดที่พักและถ่ายภาพ จากนั้นจะเรียนใช้บริการไรเดอร์วิ่งงานให้มารับพัสดุไปส่งให้แก่ลูกค้าที่สั่ง  

ที่ผ่านมาจากการขายยาเสพติดมีเงินหมุนเวียนในบัญชีเดือนละกว่า 600,000 บาทต่อเดือน จนเมื่อช่วงปลายปี 2567 คู่ขานักค้ายาเสพติดของตนได้เสียชีวิต ตนจึงหันไปหาคู่ผ่านแอปหาคู่กลุ่ม LGBT เพื่อมามีความสัมพันธ์กับตนโดยแลกกับการที่ตนให้เสพยาไอซ์ฟรี   

ทั้งนี้ ในขณะเข้าจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบคู่ขาของ นายบลู สวนหลวง จำนวน 2 คน ที่เดินทางมาเสพยาไอซ์เพื่อแลกกับการมีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหา

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสารเสพติดในร่างกายเบื้องต้นและส่งตรวจหาสารเสพติดในร่างกายที่โรงพยาบาลของรัฐ ปรากฏผลการตรวจเป็นบวก

จึงได้จับกุมดำเนินคดีในความผิดฐาน “ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน โดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในคราวเดียวกัน  

ทั้งนี้ ตามนโยบายของรัฐบาล พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน

ตลอดจนจัดการปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดในทุกระดับ ทั้งการปราบปรามเครือข่ายรายสำคัญ ผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในชุมชน การขยายผลและอายัดทรัพย์สิน การนำผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ตลอดจนการดำเนินการต่อเบาะแสร้องเรียนยาเสพติด อย่างจริงจังและเด็ดขาด

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า สืบนครบาลเรามุ่งเน้นปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมรายสำคัญในพื้นที่ให้หมดไปอย่างจริงจัง

โดยใช้มาตรการการปราบปรามอาชญากรรมองค์กรอย่างเข้มงวดเชิงรุกทุกรูปแบบ  ซึ่งนับว่าเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมอื่นๆที่จะตามมา อันสร้างความเดือดร้อนและสร้างความเสียหายต่อสังคมในรูปแบบต่างๆ เป็นวงกว้าง ขอฝากเตือนอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเด็ดขาด

นอกจากจะทำให้ชีวิตตนเองเดือดร้อนแล้ว คนในครอบครัวต้องทุกข์ใจต้องมาดูแล จึงขอฝากบอกน้องๆ เยาวชนทุกคน ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้น เราสามารถหยุดมันได้ กลับตัวกลับใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเชื่อว่าครอบครัวและบ้าน คือสถาบันและสถานที่ที่อบอุ่นและปลอดภัยที่สุด