เช็กพื้นที่ 64 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ช่วง 3-9 ก.ย.นี้
ปภ.เน้นย้ำ 64 จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 3 – 9 ก.ย. 67
วันนี้ (3 ก.ย. 67) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เน้นย้ำ 64 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 3 – 9 ก.ย. 67 กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สภาพน้ำ ปริมาณฝน และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงเพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศและปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 2 (157/2567) ลงวันที่ 2 กันยายน 2567 เวลา 05.00 น. แจ้งว่า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร โดยมีพื้นที่แจ้งเตือนสถานการณ์ระหว่างวันที่ 3 - 9 กันยายน 2567 แยกเป็น
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก
ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่
- แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองฯ อ.ปางมะผ้า อ.ปาย อ.สบเมย)
- เชียงใหม่ (อ.จอมทอง อ.ฮอด)
- เชียงราย (อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง)
- ลำพูน (อ.เมืองฯ อ.ลี้)
- ลำปาง (อ.เมืองฯ อ.แจ้ห่ม อ.ห้างฉัตร อ.เมืองปาน อ.เสริมงาม อ.เกาะคา อ.แม่พริก)
- พะเยา (อ.ปง อ.เชียงคำ อ.จุน อ.ภูกามยาว)
- แพร่ (อ.เมืองฯ อ.สอง อ.วังชิ้น อ.ลอง)
- น่าน (อ.ทุ่งช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ปัว อ.บ่อเกลือ อ.เชียงกลาง)
- อุตรดิตถ์ (อ.เมืองฯ อ.ฟากท่า อ.น้ำปาด อ.ตรอน)
- ตาก (อ.ท่าสองยาง อ.แม่สอด อ.พบพระ อ.อุ้มผาง)
- สุโขทัย (อ.เมืองฯ อ.ศรีสัชนาลัย อ.ทุ่งเสลี่ยม อ.กงไกรลาศ)
- กำแพงเพชร (อ.ปางศิลาทอง อ.คลองลาน อ.โกสัมพีนคร อ.พรานกระต่าย)
- พิษณุโลก (อ.ชาติตระการ อ.นครไทย อ.วัดโบสถ์ อ.วังทอง อ.เนินมะปราง)
- พิจิตร (อ.โพธิ์ประทับช้าง)
- เพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ อ.หนองไผ่ อ.หล่มเก่า อ.หล่มสัก)
- นครสวรรค์ (อ.แม่วงก์ อ.แม่เปิน)
- อุทัยธานี (อ.บ้านไร่)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด ได้แก่
- เลย (อ.นาแห้ว อ.เชียงคาน อ.ด่านซ้าย อ.ปากชม)
- หนองคาย (อ.เมืองฯ อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.โพนพิสัย อ.โพธิ์ตาก)
- บึงกาฬ (อ.เมืองฯ อ.ปากคาด อ.บุ่งคล้า อ.โซ่พิสัย อ.เซกา อ.บึงโขงหลง)
- หนองบัวลำภู (อ.สุวรรณคูหา)
- อุดรธานี (อ.นายูง อ.น้ำโสม)
- สกลนคร (อ.เมืองฯ อ.ภูพาน อ.สว่างแดนดิน)
- นครพนม (อ.เมืองฯ อ.ศรีสงคราม)
- ชัยภูมิ (อ.เมืองฯ อ.คอนสาร อ.หนองบัวแดง)
- ขอนแก่น (อ.เมืองฯ อ.ภูผาม่าน อ.ชุมแพ อ.บ้านไผ่)
- มหาสารคาม (อ.เมืองฯ)
- ร้อยเอ็ด (อ.เมืองฯ อ.เสลภูมิ)
- ยโสธร (อ.เมืองฯ อ.ป่าติ้ว อ.คำเขื่อนแก้ว)
- อำนาจเจริญ (อ.เมืองฯ อ.ชานุมาน)
- นครราชสีมา (อ.ปากช่อง อ.วังน้ำเขียว)
- บุรีรัมย์ (อ.เมืองฯ)
- สุรินทร์ (อ.เมืองฯ อ.ปราสาท)
- ศรีสะเกษ (อ.เมืองฯ อ.ยางชุมน้อย)
- อุบลราชธานี (อ.เมืองฯ อ.วารินชำราบ อ.ตาลสุม อ.น้ำยืน อ.พิบูลมังสาหาร อ.น้ำขุ่น)
ภาคกลาง 18 จังหวัด ได้แก่
- กาญจนบุรี (อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.ศรีสวัสดิ์)
- ราชบุรี (อ.ปากท่อ อ.สวนผึ้ง)
- สุพรรณบุรี (อ.ด่านช้าง)
- ชัยนาท (อ.หันคา)
- ลพบุรี (อ.ชัยบาดาล สระโบสถ์ ลำสนธิ)
- นครนายก (อ.เมืองฯ ปากพลี บ้านนา)
- ปราจีนบุรี (อ.เมืองฯ ประจันตคาม นาดี กบินทร์บุรี)
- สระแก้ว (อ.เมืองฯ)
- ฉะเชิงเทรา (อ.สนามชัยเขต ท่าตะเกียบ)
- ชลบุรี (อ.เมืองฯ อ.บางละมุง อ.ศรีราชา)
- ระยอง (อ.เมืองฯ อ.บ้านค่าย อ.ปลวกแดง อ.นิคมพัฒนา)
- จันทบุรี (อ.เมืองฯ อ.ขลุง อ.ท่าใหม่ อ.เขาคิชฌกูฏ อ.มะขาม)
- ตราด (ทุกอำเภอ)
- เพชรบุรี (อ.หนองหญ้าปล้อง อ.แก่งกระจาน)
- ประจวบคีรีขันธ์ (อ.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย อ.ปราณบุรี)
- ปทุมธานี (อ.ธัญบุรี อ.คลองหลวง)
- นนทบุรี (อ.เมืองฯ อ.ปากเกร็ด)
- สมุทรปราการ (อ.เมืองฯ อ.บางพลี อ.บางเสาธง)
ภาคใต้ 11 จังหวัด ได้แก่
- ชุมพร (อ.ท่าแซะ อ.สวี)
- สุราษฎร์ธานี (อ.เมืองฯ อ.คีรีรัฐนิคม อ.พุนพิน อ.พระแสง อ.เวียงสระ)
- นครศรีธรรมราช (อ.เมืองฯ อ.เชียรใหญ่ อ.ลานสกา อ.ถ้ำพรรณรา อ.ทุ่งใหญ่)
- พัทลุง (อ.เมืองฯ อ.ปากพะยูน อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ควนขนุน)
- สงขลา (อ.รัตภูมิ อ.หาดใหญ่ อ.สะบ้าย้อย อ.นาหม่อม)
- ระนอง (ทุกอำเภอ)
- พังงา (อ.เมืองฯ อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วป่า อ.กะปง อ.ท้ายเหมือง)
- ภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
- กระบี่ (อ.เมืองฯ อ.เหนือคลอง อ.อ่าวลึก อ.คลองท่อม อ.ปลายพระยา อ.เกาะลันตา อ.เขาพนม)
- ตรัง (อ.เมืองฯ อ.สิเกา อ.ย่านตาขาว อ.กันตัง อ.ห้วยยอด อ.รัษฎา อ.วังวิเศษ)
- สตูล (อ.เมืองฯ อ.ควนโดน อ.ควนกาหลง อ.ทุ่งหว้า อ.มะนัง)
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง
ภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่
- ระนอง (อ.เมืองฯ อ.สุขสำราญ อ.กะเปอร์)
- พังงา (อ.เกาะยาว อ.ตะกั่วทุ่ง อ.ท้ายเหมือง อ.ตะกั่วป่า อ.คุระบุรี)
- ภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
- กระบี่ (อ.เมืองฯ อ.คลองท่อม อ.เกาะลันตา อ.เหนือคลอง อ.อ่าวลึก)
- ตรัง (อ.กันตัง อ.สิเกา อ.ปะเหลียน อ.หาดสำราญ)
- สตูล (อ.เมืองฯ อ.ละงู อ.มะนัง อ.ทุ่งหว้า)
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้เน้นย้ำ 64 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยภัย เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักบางพื้นที่ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สภาพน้ำ และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการติดตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่แต่ละจุดอย่างใกล้ชิด รวมถึงพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีฝนตกหนักมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบ ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด
สำหรับ พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบ ออกประกาศหรือติดตั้งสัญญาณเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ตลอนจนแจ้งนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้จังหวัดประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบแจ้งเตือนไปยังชาวเรือ ผู้บังคับเรือ และผู้ประกอบการเดินเรือโดยสารให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหากสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น ให้จังหวัดพิจารณาห้ามการเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ หากประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่าสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงหรือขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ให้จังหวัดเตรียมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เครื่องจักรกลสาธารณภัย และวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมออกช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และแจ้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ สถานการณ์น้ำ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะนี้ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ประกาศการแจ้งเตือนภัย สถานการณ์น้ำในพื้นที่ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากความเดือดร้อนจากสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป