แอบนำบัตรปชช.เพื่อน จัดไฟแนนซ์ซื้อรถยนต์ ไม่ผ่อนรถ ล่าสุดจับที่ทวีวัฒนา
ตำรวจรวบผู้ต้องหา แอบนำบัตรประชาชนเพื่อนที่หน้าคล้าย ไปขอสินเชื่อไฟแนนซ์ซื้อรถยนต์ แต่ไม่ยอมผ่อนรถ ล่าสุดจับสาวแสบที่ทวีวัฒนา กรุงเทพ
กรณีแอบนำบัตรประชาชนเพื่อน ไปขอสินเชื่อไฟแนนซ์ซื้อรถยนต์ ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ร่วมกับ นักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 115 จับกุม น.ส.รัตนภรณ์ อายุ 26 ปี ตามหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ 157/2567 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 จับกุมบริเวณ หน้าบ้าน ซ.16 แขวงธรรมศาลา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร
ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิด
- นำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่นไปใช้แสดงตนเป็นเจ้าของบัตรฯ
- ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
- ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม
และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดแพร่ ที่ จ 134/2567 ลง 23 พฤษภาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน
- ฉ้อโกงโดยทุจริต
- โดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด
พฤติการณ์ที่เป็นเหตุให้ถูกออกหมายจับ ตามวันเวลาเกิดเหตุ เมื่อประมาณปลายเดือนกรกฎาคม 2565 ทางไฟแนนซ์ธนาคาร ได้รับการติดต่อจาก จากโชว์รูม รถยนต์อีซูซุ ว่าผู้ต้องหาตามหมายจับ ต้องการซื้อรถยนต์และจัดไฟแนนซ์กับทางธนาคารฯ
ต่อมาได้นัดหมาย เพื่อจัดทำใบคำเสนอขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ผู้ต้องหาได้นำบัตรประชาชนของน.ส.ศุภดาฯ เพื่อนมาใช้ในการจัดไฟแนนซ์
เมื่อเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ได้ตรวจสอบผู้ต้องหาเปรียบเทียบกับบัตรประจำตัวประชาชนนางสาวศุภดาฯ มีลักษณะคล้ายบุคคลตามบัตรประจำตัวประชาชน จึงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นบุคคลตามบัตรประชาชนจริง จึงได้ทำใบคำเสนอขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ฯ ตามขั้นตอนของธนาคารฯแล้ว และได้รับอนุมัติสินเชื่อในที่สุด
จนกระทั่งผู้ต้องหาได้ไปรับรถตามกำหนด นำไปใช้ประโยชน์ ต่อมาไม่ได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อให้แก่ธนาคารฯ หลายเดือน ธนาคารฯจึงได้ติดตามทวงถามให้ น.ส.ศุภดาฯ เพื่อนของผู้ต้องหาที่ถูกนำบัตรประชาชนไปใช้ แต่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับทางธนาคารฯเลย โดยอ้างว่าเคยให้บัตรประชาชนกับผู้ต้องหาไปใช้สมัครงานจึงได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นทางไฟแนนซ์ธนาคารได้ตรวจสอบเอกสารทางธุรกรรมพบว่า มีลักษณะลายมือชื่อคล้ายกันกับลายมือชื่อที่เคยได้ลงนามไว้ขณะทำใบเสนอขอเช่าซื้อรถยนต์รวมถึงเอกสารสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ จึงน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาลงลายมือชื่อปลอมโดยทุจริต ปิดบังข้อเท็จจริงหรือแสดงข้อความอันเป็นเท็จโดยการหลอกลวงว่าตนเองเป็นน.ส.ศุภดาฯและนำบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดง
ทำให้ทางธนาคารฯหลงเชื่อว่าเป็นน.ส.ศุภดาฯ เพื่อนของผู้ต้องหานั้นจริง ซึ่งเป็นการปลอมลายมือ ชื่อในใบเสนอขอสินเชื่อฯ,เอกสารประกอบการเช่าซื้อรถยนต์ฯ,สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ฯและใบส่งมอบ รถยนต์ฯ )
จึงได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายหมายต่อไป
ในชั้นจับกุม น.ส.รัตนภรณ์ฯ ให้การรับว่า ได้เคยนำบัตรประชาชนของเพื่อนไปใช้ในการทำสัญญาซื้อรถยนต์ โดยนำมาใช้เอง แต่ปัจจุบันได้ถูกไฟแนนซ์ยึดกลับคืนไปแล้ว จากนั้นจึงทำบันทึกการจับกุม และนำตัวผู้ถูกจับส่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ สน.ลุมพินี เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฝากเตือนว่า สำหรับประชาชน วิธีการที่จะป้องกันตัวเองหากบัตรประชาชนหายก็ต้องรีบไปแจ้งความ ลงบันทึกประจำวัน แล้วขอคัดสำเนาบันทึกประจำวันเหล่านั้นไว้เป็นหลักฐาน
เมื่อภายหลังมีการทำธุรกรรมโดยบุคคลอื่นจะได้ใช้เป็นหลักฐานทางคดีเพื่อพิสูจน์ความถูกผิด แต่ก็ต้องระมัดระวังการใช้และเก็บรักษาบัตรให้ดี เพื่อไม่ให้มีช่องโหว่ที่มิจฉาชีพจะฉวยโอกาสนำไปใช้ในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
ขอแนะนำวิธีป้องกันดังนี้ จัดเก็บรักษาบัตรประชาชนและข้อมูลส่วนตัวให้ปลอดภัย หากบัตรประจำตัวประชาชนหาย ควรรีบไปขอทำบัตรทดแทนโดยเร็ว ไม่ควรมอบบัตรประชาชนให้บุคคลอื่นไปทำธุรกรรมแทน