แก๊งโจรแสบ อ้างหางานเด็กเอ็นฯ หลอกขอข้อมูล-รหัส OTP เหยื่อสูญเงินแสน

แก๊งโจรแสบ อ้างหางานเด็กเอ็นฯ หลอกขอข้อมูล-รหัส OTP เหยื่อสูญเงินแสน

ตำรวจสอบสวนกลาง CIB จับแก๊งโจรแสบ ทำทีติดต่อหางานเอ็นฯ ก่อนหลอกขอข้อมูลส่วนตัวและรหัส OTP เหยื่อหลงเชื่อเสียหายรวม 3 แสนบาท

กรณีแก๊งโจรแสบ ทำทีติดต่อหางานเอ็นฯ ก่อนหลอกขอข้อมูลส่วนตัวและรหัส OTP เหยื่อหลงเชื่อเสียหายรวม 3 แสนบาท ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม นายตั้มฯ และ นายสารินฯ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ฯ" สถานที่จับกุม ม.4 ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ขอให้ช่วยติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มหางานรับงานบริการของเด็กเอ็นเตอร์เทน 

  1. หลอกลวงทำทีเป็นติดต่อให้ไปทำงาน
  2. หลอกเอาข้อมูลส่วนตัว และรหัส OTP ในการถอนเงินไป ทำให้ผู้เสียหายสูญเงินรวมกว่า 3 แสนบาท
  3. จากการสืบสวนทราบว่า ผู้จัดการของผู้เสียหาย ซึ่งทำงานเป็นเด็กเอนเตอร์เทน ได้เข้าไปในกลุ่มไลน์ Open Chat ซึ่งเป็นกลุ่มหางานเอนเตอร์เทนตามสถานที่ต่าง ๆ 

โดยในกลุ่มดังกล่าวจะมีโมเดลลิ่ง และผู้จัดการโพสต์แจ้งงานที่ลูกค้าต้องการจ้างมาในกลุ่ม

ต่อมาได้มีไลน์โพสต์ประกาศหางานต้องการเด็กเอนฯ ทางผู้จัดการของผู้เสียหายจึงได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ โดยผู้โพสต์แจ้งว่าตนเองชื่อ นาตารี เป็นผู้จัดหาเด็กเอนฯ ไปทำงาน หากต้องการจะรับงานเอนฯ ดังกล่าว ให้ทางผู้จัดการติดต่อแอดไลน์ไปคุย นายวิน ซึ่ง นาตารี อ้างว่าเป็นเจ้าของร้าน จากนั้นทางผู้จัดการของผู้เสียหายจึงได้ให้ผู้เสียหายติดต่อพูดคุยเพื่อตกลงรับงานเอนฯ กับ นายวินโดยตรง 

ซึ่งทางผู้เสียหายไม่ได้ตกลงรับงานดังกล่าวเเต่อย่างใด แต่หลังจากนั้น นายวิน ยังคงติดต่อมาพูดคุยกับผู้เสียหายในลักษณะเชิงชู้สาวอยู่เรื่อยมา โดยอ้างว่าจะรับดูแลผู้เสียหาย จนภายผู้เสียหายเกิดความเชื่อใจ ต่อมานายวิน จึงได้ออกอุบายว่าจะต้องเอาเงินออกจากเช็คอิเล็กทรอนิกส์ โดยการออกเช็คดังกล่าวจะต้องใช้รหัสของผู้เสียหายในการร่วมถอนเงินออกมาด้วย

จากนั้นนายวิน ได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอน โดยให้เข้าระบบการถอนเงินโดยไม่ใช้บัตร  และหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งข้อมูลและส่งรหัส OTP มาให้แก่นายวิน โดยภายหลังจากที่ผู้เสียหายส่งรหัส OTP ไปแล้ว พบว่าเงินในบัญชีของตนเองจำนวน 8,900 บาท หายไป

ผู้เสียหายจึงได้รีบสอบถามกลับไปยังนายวิน โดยนายวิน อ้างว่า จะมีเงินเข้ามาคืนผู้เสียหายเป็นจำนวน 2 เท่า ให้ผู้เสียหายดำเนินการตามที่นายวินบอกอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นนายวิน ก็ได้ทำการหลอกให้ผู้เสียหายส่ง OTP อีกจำนวน 5-6 ครั้ง จนทำให้ผู้เสียหายสูญเงินจากบัญชีไปเป็นจำนวนกว่า 160,000 บาท

ต่อมา เมื่อผู้เสียหายตั้งสติได้ ผู้เสียหายจึงเเจ้งเรื่องราวดังกล่าวให้กับทางผู้จัดการของตนเองทราบเรื่อง ซึ่งเมื่อผู้จัดการทราบเรื่องดังกล่าว ทางผู้จัดการจึงเกิดความรู้สึกผิด โทษว่าตนเองเป็นต้นเหตุทำให้ผู้เสียหายต้องมาเจอกับเรื่องดังกล่าว ผู้จัดการจึงได้เข้าไปคุยเจรจากับบุคคลที่ชื่อ นาตารี เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้เสียหาย แต่หลังจากที่ติดต่อไปหาบุคคลที่ชื่อ นาตารี ได้แล้ว ทางผู้จัดการก็ได้ถูก นาตารี หลอกลวงให้ติดต่อไปพูดคุยกับนายวิน ซึ่งนายวิน ก็ได้ใช้รูปแบบการหลอกลวงเดียวกันกับที่หลอกผู้เสียหายมาหลอกผู้จัดการซ้ำอีก ทำให้ผู้จัดการสูญเงินไปกว่า 130,000 บาท

ต่อมา ภายหลังเมื่อผู้เสียหายทั้งสองไม่สามารถติดต่อกับ นาตารี และนายวินได้ ผู้เสียหายทั้ง 2 จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ป. ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า เงินของผู้เสียหายทั้ง สองรายถูกถ่ายโอนไปยังบัญชีธนาคารของนายตั้มฯ​ (ผู้ต้องหาที่ 1)  

ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 จนถึงปัจจุบัน มีเงินเข้าออกบัญชีของนายตั้มฯ วันละ 10,000-20,000 บาท และยังพบว่ามีเงินหมุนเวียนเป็นจำนวนหลายล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการร่วมกันก่อเหตุในคดีนี้

โดยจากการสืบสวนขยายผลทำให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าขบวนการดังกล่าว จะมีนายนัด (ผู้ต้องหาที่ 2) เป็นผู้สั่งการ โดยจะสั่งการให้นายตั้ม (ผู้ต้องหาที่ 1) ไปกดเงินหลังจากที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามา และจากการตรวจสอบประวัติของนายนัด (ผู้ต้องหาที่ 2) ยังพบว่าเคยก่อเหตุหลอกเอา OTP ของผู้เสียหายในพื้นที่ สภ.บางศรีเมือง เมื่อปี พ.ศ.2566 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. จึงนำกำลังลงพื้นที่ จ.นครปฐม เข้าทำการตรวจค้นจับกุม นายตั้มฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ได้ที่บ้านพัก ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พร้อมโทรศัพท์มือถือและเสื้อผ้าที่ใส่ไปกดเงินจากตู้ ATM จากการสอบถามนายตั้มฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ให้การรับสารภาพว่านายนัดฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) เป็นคนสั่งการให้ตนไปกดเงิน โดยได้รับค่าจ้าง 500-1,000 บาท ต่อครั้ง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เร่งติดตามตัวนายนัดฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) โดยสามารถจับกุม นายนัดฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) ได้ที่บ้านพัก ม.4 ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง โดยภายหลังจากการจับกุม นายนัดฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) ให้การรับสารภาพ ว่าได้ตนเองได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยใช้โทรศัพท์ทั้ง 2 เครื่อง ในการปลอมไลน์เป็นบุคคลที่ชื่อว่า นาตารี และ นายวิน โดยตนจะเริ่มจากการโพสต์ประกาศหางานลงกลุ่มไลน์ เลือกเฉพาะกลุ่มที่เป็นเด็กเอนฯ หากมีเหยื่อหลงเชื่อ ตนเองจะใช้ไลน์ที่ชื่อ นาตารี ในการติดต่อคุยงานก่อน โดยจะปลอมแปลงเสียงให้เป็นน้ำเสียงของเป็นสาวประเภทสองเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ 

จากนั้นจะหลอกให้เหยื่อติดต่อไปพูดคุยกับนายวิน หลอกลวงเหยื่อให้หลงเชื่อว่าจะรับเลี้ยงดูเเล ก่อนจะหลอกเอาข้อมูลเเละรหัส OTP ของเหยื่อไปกดเงิน นอกจากนี้ นายนัดฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) ยังให้การเพิ่มเติมอีกว่า ตนเองรู้จักกับนายตั้มฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ตั้งแต่ต้นปี 2567 โดยเห็นนายตั้มฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ขับรถส่งของและตนเองใช้บริการส่งของด้วยเป็นประจำ ตนเองจึงได้ใช้ให้นายตั้มฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) เอาเงินสดไปฝากเข้าบัญชี และทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงการกดเงินออกจากตู้ ATM ด้วย โดยเงินที่ตนเองหลอกผู้เสียหายมาได้นั้น นายนัดฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) ได้เอาไปเล่นพนันบอล 
 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย


ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. สั่งการให้  พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป.  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป.  ดำเนินการ