ฮุบกิจการพันล้าน คดีสั่งฆ่า บุกบริษัทที่สมุทรปราการ เอี่ยวคนมีสี พล.ร.ต.

ฮุบกิจการพันล้าน คดีสั่งฆ่า บุกบริษัทที่สมุทรปราการ เอี่ยวคนมีสี พล.ร.ต.

คดีดัง ฮุบกิจการพันล้าน ต้นเหตุจ้างวานฆ่า บุกค้นบริษัทที่สมุทรปราการ เอี่ยวคนมีสีระดับพลเรือตรี กองปราบลุยจัดการ

กรณีคดีดังจะฮุบกิจการพันล้าน ต้นเหตุจ้างวานฆ่า บุกค้นบริษัทที่สมุทรปราการ เอี่ยวแก๊งคนมีสี พล.ร.ต. หรือพลเรือตรี ล่าสุด ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้าตรวจค้น บริษัท แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ

สืบเนื่องจาก มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกรรมการและผู้ถือหุ้นบางส่วนที่มีพฤติกรรมทุจริตเพื่อเข้าครอบครองหรือฮุบกิจการไว้เป็นของกลุ่มตนเอง

โดยมีการทำปลอมแปลงเอกสารสำคัญทางบริษัท เช่น รายงานการประชุม สัญญาซื้อขาย และมีการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อถ่ายโอนทรัพย์สินจากบริษัทเดิมไปยังบริษัทใหม่ ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท

สาเหตุดังกล่าวเป็นชนวนให้เกิดการขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจและความขัดแย้งภายในครอบครัว กระทั่งนำไปสู่การวางแผนจ้างวานฆ่าในคดีที่พ่อจ้างวานฆ่าลูกและภรรยาตนเอง

ซึ่งมีการจับกุมผู้บงการและผู้มีส่วนร่วมในคดีจ้างวานฆ่าดังกล่าว จำนวน 3 ราย เมื่อปลายปี  พ.ศ. 2566 โดย 1 ในผู้ต้องหานั้นเป็นถึงอดีตนายพลเรือตรีชื่อดัง ตามที่เคยข่าวโด่งดังในช่วงเวลาดังกล่าว

ฮุบกิจการพันล้าน คดีสั่งฆ่า บุกบริษัทที่สมุทรปราการ เอี่ยวคนมีสี พล.ร.ต.

 

ยังไม่จบ ฮุบกิจการพันล้าน คดีสั่งฆ่า บุกค้นบริษัทที่สมุทรปราการ

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปอศ. พบว่าหลังจากที่มีดำเนินการการจับกุมผู้ต้องหาในคดีจ้างวานฆ่าดังกล่าวแล้ว ยังคงมีกลุ่มทหารที่เป็นลูกน้องของอดีตพลเรือตรีที่ถูกจับกุม จำนวนหลายนาย เข้ามาดำเนินการ ในรูปแบบของผู้ถือหุ้นในบริษัท

    โดยมีพฤติการณ์แทรกแซงและเข้าควบคุมการดำเนินกิจการของบริษัท ในลักษณะข่มขู่พนักงานในบริษัท ภายใต้คำสั่งของกรรมการและผู้ถือหุ้นที่ทุจริตที่ถูกจับอยู่ภายในเรือนจำในคดีจ้างวานฆ่าและยังคงได้รับเงินเดือนและผลตอบแทนตามปกติ

เป็นเหตุทำให้ผู้เสียหายที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่สามารถเข้ามาดำเนินกิจการภายในบริษัทได้ เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของกลุ่มทหารที่เข้ามาบริหาร อยู่ภายในบริษัท จนนำมาสู่การเปิดปฎิบัติการสนธิกำลังระหว่าง เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปอศ. และชุดปฏิบัติการพิเศษ(หนุมาน) เข้าดำเนินการตรวจค้นบริษัทดังกล่าว

ผลการตรวจค้น พบเอกสารเกี่ยวกับบัญชีซื้อขายและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจระหว่างบริษัทเดิมกับบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นลักษณะ

  • การปลอมแปลงเอกสารทางบัญชี,
  • งบการเงิน,
  • รายงานการประชุม

จัดทำขึ้นมาเพื่อเป็นการถ่ายโอนทรัพย์สิน โดยระหว่างตรวจค้นพบกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่จำนวนหลายราย เข้ามาบริหารงานในบริษัทเดิม ในลักษณะว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา

โดยที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดไม่ได้ยินยอมให้มีการว่าจ้าง ระหว่างตรวจค้นพบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายรายอยู่แต่ละแผนกของบริษัท เช่น ฝ่ายบัญชี, ฝ่ายการผลิต และฝ่ายบริหาร เป็นต้น

โดยหลังตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามกฎหมาย
 
ผลการปฏิบัติภายใต้อำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช  บุญกระพือ ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ.

สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล , พ.ต.ต.รัฐชิน เจริญรัมย์ , พ.ต.ท.ชาญณรงค์ กันยิ่งสว. กก.3 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. และชุดปฏิบัติการพิเศษ (หนุมาน)  ดำเนินการ