อ้างเป็นทูต ยัดข้อหา passport ปลอม ผู้เสียหายสูญเงิน 6 ล้าน บุกจับสาวทอม

อ้างเป็นทูต ยัดข้อหา passport ปลอม ผู้เสียหายสูญเงิน 6 ล้าน บุกจับสาวทอม

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นทูต ยัดข้อหา passport ปลอม ผู้เสียหายหลงเชื่อสูญเงิน 6 ล้าน ล่าสุดตำรวจบุกจับสาวทอม

กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นทูต ยัดข้อหา passport ปลอม ผู้เสียหายหลงเชื่อสูญเงิน 6 ล้าน ล่าสุดตำรวจบุกจับสาวทอม

การให้ปราบปรามอาชญากรรมผู้กระทำความผิดทางอาญาในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะองค์กรอาชญากรรม call center ที่มีพฤติการณ์ฉ้อโกง หรือหลอกลวงประชานในสังคม จนสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง

เจ้าหน้าที่  กก.สส.1 บก.สส.บช.น.  ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ปภัสศร หรือ แนน  อายุ 19 ปี ภูมิลำเนา อ.ประจันตคาม จว.ปราจีนบุรี วันที่ 2 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ  12.30 น.

เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 4691/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

จับกุมได้ภายในบ้านพักแห่งหนึ่ง หมู่ 1 ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จว.ปราจีนบุรี 

แอบอ้างเป็นทูต ยัดข้อหา passport ปลอม

พฤติการณ์กล่าวคือ ตามวันเวลาเกิดเหตุ ช่วงประมาณ กลางเดือน เม.ย. 67 ผู้เสียหายได้รับแจ้งจากบุตรชายของตน ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ต่างประเทศ ประเทศแคนาดา ว่า ขณะที่บุตรของผู้เสียหายกำลังศึกษาอยู่ ณ เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนนาดา ได้มีกลุ่มมิจฉาชีพโทรศัพท์ติดต่อมา

  1. อ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตประเทศไทย ประจำประเทศแคนาดา อ้างว่า บุตรชายของผู้เสียหาย มี passport ปลอม
  2. ผู้เสียหายหลงเชื่อ กลุ่มมิจฉาชีพจึงได้โอนสายต่อให้พูดคุยกับอีกบุคคลหนึ่งโดยอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสอบสวนกลาง
  3. ออกอุบายว่าให้ ทางบุตรของผู้เสียหายโอนเงินมาเพื่อทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็น พฤติการณ์การกระทำความผิด
  4. ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ โอนเงินชื่อบัญชีของบุตรชายให้ไปยังบัญชีม้าจำนวน 4 บัญชี เป็นเงินกว่า 6,000,000 บาท
  5. หนึ่งในนั้น ได้โอนเงินเข้าบัญชีของนางสาวปภัสศรฯ ผู้ถูกจับ เป็นมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท
  6. หลังจากนั้น เมื่อผู้เสียหายพบความผิดปกติ จึงรู้ว่าถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว น.ส.ปภัสศรฯ  จากการสอบถามผู้ถูกจับให้การรับสารภาพว่า เมื่อประมาณ ต้นปี 2567 ตนได้ถูกเพื่อนสาวคนสนิทชักชวนให้ไปทำงานย่านปอยเปต ประเทศกัมพูชา

หลอกให้ตนเปิดบัญชีออนไลน์ จำนวน 3 ธนาคาร ได้แก่ ธ.กรุงไทย , ธ.ออมสิน และ ธ.ไทยพาณิชย์ โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินรวม 6,000 บาท

ก่อนที่จะเดินทางออกนอกประเทศโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ จากนั้นเมื่อตนได้เดินทางไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมกับคนอื่นอีกประมาณ 2-3 คน และถูกกักตัวให้อยู่แต่ภายห้องแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน โดยพักอาศัยอยู่ร่วมกันทั้งชาย-หญิงกว่า 10 ราย  ซึ่งแต่ละรายก็ถูกหลอกให้เปิดบัญชีคนละอย่างน้อย 2-3 ธนาคาร

ในระหว่างที่ตนพักอยู่ที่นั้น ทางกลุ่มมิจฉาชีพมิได้ว่าจ้างให้ตนทำงานแต่อย่างใด โดยแต่ละวันเพียงให้ตนกับกลุ่มคนที่พักอยู่ด้วยกันนั้น ยืนยันตัวบุคคลด้วยใบหน้าทางโทรศัพท์เท่านั้น ซึ่งตนอาศัยอยู่ที่นั้นได้เพียง 3 วัน กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวได้แจ้งว่าให้กลับบ้านได้ จากนั้นกลุ่มบุคลดังกล่าวได้ทิ้งให้ตนกลับภูมิลำเนาเอง จนมีเงินติดตัวเหลือเพียงประมาณ 2,000 กว่าบาท

หลังจากนั้นตนก็ไม่สามารถติดต่อเพื่อนสาวคนสนิทได้อีกเลย จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ รู้สึกเสียใจ สำนึกในสิ่งที่ตนเองกระทำ เพียงเพราะต้องการ “เงิน” เท่านั้น

และไม่คิดว่าตนเองจะมาลงเลยแบบนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนางสาวปภัสศรฯ นำส่ง พงส.สน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย  

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ฝากเตือนไปยังประชาชนและบุคคลทั่วไปทุกท่าน ควรระลึก และมีสติทุกครั้ง ก่อนที่ท่านจะเปิดบัญชีธนาคาร เปิดซิมโทรศัพท์ ให้แก่บุคคลอื่น บุคคลแปลกหน้า ที่ท่านไม่รู้จัก หรือเพิ่งจะรู้จัก หรือบุคคลที่เคยพูดคุยและติดต่อทางสื่อสังคมออนไลน์

โดยให้ท่านพึงระลึกไว้เสมอว่า บุคคลเหล่านี้คือ “มิจฉาชีพ” ที่จ้องจะหาผลประโยชน์จากนั้น มิฉะนั้นท่านอาจตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพพวกนี้ หรือที่เรียกว่า “บัญชีม้า” หรือ “ซิมผี” ก็เป็นไปได้ ซึ่งถือว่าท่านอาจตกเป็นผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ซึ่งมีอัตราโทษทั้งโทษจำและโทษปรับ  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากท่านพบเห็นเหตุสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.