แจ้ง 2 ข้อหา 'เจ๊นุช บางเตย' คนสนิท แม่ตั๊ก วอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป

แจ้ง 2 ข้อหา 'เจ๊นุช บางเตย' คนสนิท แม่ตั๊ก วอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป

ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา "เจ๊นุช บางเตย" ผิด พ.ร.บ.คอมฯ-โฆษณาเกินจริง ด้านเจ้าตัววอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป ยอมรับเครียดจนเกือบฆ่าตัวตาย ยันสนิทแม่ตั๊กแค่เรื่องงาน ตอบปมมีทรัพย์สิน 200 ล้านจริงหรือ?

วันนี้ (10 ต.ค. 67) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังสอบปากคำเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง นางสาว ณปภัช เขจรรักษ์ อายุ 39 ปี หรือ เจ๊นุช บางเตย คนสนิท น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก และ นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้หนีไปไหน อยู่บ้านตลอด แต่เป็นบ้านหลังใหม่ อีกทั้งนับจากเกิดเรื่องก็ได้ให้ทนายความคอยประสานกับทางตำรวจ ปคบ. มาโดยตลอด ไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใดเพราะบริสุทธิ์ใจจริง

“ทั้งนี้อยากขอทุกคนให้โอกาส อย่าเพิ่งมองว่าเป็นคนผิด วันนี้ตนนำหลักฐานมามอบให้กับตำรวจเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และแสดงความบริสุทธิ์ใจหมดแล้ว ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายทองของแม่ตั๊ก ส่วนเรื่องที่มีการแชร์ข้อมูลว่าตนมีทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท นั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งในส่วนนี้ตนก็ได้ชี้แจงให้กับเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้วเช่นกัน ว่าทรัพย์สินของตนมีอะไรบ้าง ส่วนเรื่องทางคดี ขอไม่พูดถึง ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเป็นคนให้ข้อมูล”
 

เจ๊นุช บางเตย  กล่าวอีกว่า ยอมรับว่ารู้จักกับแม่ตั๊กมาตั้งแต่ปี 2561 เพราะเป็นเอฟซี และ เป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก ก่อนที่ต่อมาเขาจะติดต่อให้มาช่วยไลฟ์ขายกางเกงในเก็บพุง ส่วนเรื่องระดับความสัมพันธ์ ยืนยันว่าสนิทกับแม่ตั๊กแค่เฉพาะเรื่องงาน เพราะเป็นคู่ค้า เคยซื้อโปรตีน โกโก้ ของเขามาขาย ไม่มีค่าคอมมิชชั่นใดๆ เป็นพิเศษ

ส่วนเรื่องคอนเทนต์ช่วยเหลือคน ยืนยันว่าทำเพราะอยากสร้างแรงบันดาลใจพ่อค้าแม่ค้า เนื่องจากเคยลำบากมาก่อน หลังจากนี้จะไม่ทำคอนเทนต์ลักษณะนี้อีก แต่ก็อยากให้เข้าใจวัตถุประสงค์ของตนด้วย

“ยอมรับว่าหลังเกิดเรื่อง ยังมีติดต่อกับเมียหรั่งอยู่บ้าง เรื่องการเข้าพบตำรวจ และเรื่องสถานที่ ที่จะมาพบตำรวจ ขณะที่ในส่วนของแม่ตั๊ก หลังเกิดเรื่องไม่ได้ติดต่อกัน และ ไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์รถหรูหรือนาฬิกาหรูของแม่ตั๊ก ส่วนเรื่องที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในวันนี้ ขอชี้แจงว่าไม่ใช่คดีขายทองแม่ตั๊ก เป็นคนละคดีไม่เกี่ยวกัน และคดีทองแม่ตั๊ก ตนมาให้ปากคำตำรวจในฐานะพยานเพียงเท่านั้น”
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เคยซื้อทองร้านแม่ตั๊กหรือไม่ น.ส.ณปภัช ยอมรับว่า เคยซื้อ เป็นสร้อยข้อมือทองน้ำหนัก 10 บาท ขายร้านทองได้ตามปกติ เช่นเดียวกับปี่เซี๊ยะ ตนก็เคยซื้อมาในราคา 80,000 บาท ตอนขายก็ขายร้านทองได้จริง อาจจะราคาลดลงเหลือ 4 หมื่น แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะเรานับถือตั้งใจซื้อมาเพื่อบูชา ไม่ได้เน้นกำไร แต่ที่ต้องขายเพราะช่วงนั้นขาดสภาพคล่อง

เมื่อถามว่ายังรักแม่ตั๊กอยู่หรือไม่ ยืนยันว่ายังรักอยู่ แต่ก็อยากให้สังคมแยกแยะ ทุกวันนี้ตนเหมือนฆาตกร ลูกของตนไปโรงเรียนก็ได้รับผลกระทบ อยากให้สงสารเด็ก หลังเกิดเรื่องตนเองก็ยอมรับว่าเครียดจนคิดอยากฆ่าตัวตาย ขณะที่สามีตนก็ได้รับผลกระทบจากความเครียดเช่นเดียวกัน เพราะป่วยเป็นซึมเศร้า จึงอยากขอโอกาสให้ เจ๊นุช บางเตย  ได้พิสูจน์ตัวเองก่อน ไม่อยากให้ด่วนสรุป

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แม่ตั๊ก เคยซื้อของให้หรือไม่? เจ๊นุช บางเตย  ยอมรับว่าเคยเป็นกระเป๋าดิออร์ซื้อให้เมื่อปี 2565 ราคา 180,000 บาท ส่วนปี 2566 แม่ตั๊กให้กำไรคาร์เทียร์ แต่หากจะให้บอกว่าแม่ตั๊กนำเงินจำนวนมากมาจากไหน ไม่ทราบจริงๆ รู้แต่ว่าเขาเป็นคนขยัน เลยไม่ได้คิดหรือสงสัยอะไร ทั้งนี้ยืนยันว่า รถหรือทรัพย์สินอื่นๆ ที่ตนมีอยู่ทุกวันนี้ซื้อเองทั้งหมด

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนก็ได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ๊นุชในความผิดฐาน พรบ.คอมพิวเตอร์ และข้อหา พ.ร.บ. โฆษณาสรรพคุณอาหารเสริมอันเป็นเท็จ แล้วตนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ให้ประกันตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ เพราะผู้ต้องหามาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก และผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งสามารถติดต่อได้ รวมทั้งข้อกล่าวหาที่แจ้งไม่ได้มีอัตราโทษสูง โดยคดีนี้เป็นคดีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ ซึ่งไม่ใช่คดีที่เกี่ยวข้องกับแม่ตั๊ก