เปิดตัวเลขการ 'เคาะมือ' ในแต่ละวันของคนเรา ช่วยระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น

เปิดตัวเลขการ 'เคาะมือ' ในแต่ละวันของคนเรา ช่วยระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น

เปิดตัวเลขการ "เคาะมือ" วันละ 500-1,000 ครั้ง ในแต่ละวันของคนเรา ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น กรมการแพทย์แผนไทยฯ ย้ำถือเป็นหนึ่งใน "ท่านวด" ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนหรือการนวดทุยหนา เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ในขณะรับการรักษา

กรมการแพทย์แผนไทยฯ เปิดตัวเลขการ "เคาะมือ" วันละ 500-1,000 ครั้ง ในแต่ละวันของคนเรา ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น ย้ำถือเป็นหนึ่งใน "ท่านวด" ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนหรือการนวดทุยหนา เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ในขณะรับการรักษา

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า "เคาะมือ" ถือเป็นหนึ่งใน "ท่านวด" ในลักษณะการนวดตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนหรือการนวดทุยหนา 

การนวดทุยหนา เป็นศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน และเป็นสาขาหนึ่งของการแพทย์แผนจีน

โดยอ้างอิงจากหลักทฤษฎีของแพทย์แผนจีนในการรักษา การนวดของแพทย์แผนจีนจะใช้วิธีการกด การคลึง การถู การบีบ การดีด การคลึงหรือวิธีอื่น ๆ ไปตามจุดต่าง ๆ บนร่างกายหรือเส้นลมปราณ เพื่อให้เลือดลมไหลเวียนไปตามอวัยวะต่าง ๆ ได้ดีขึ้น 

การนวดทุยหนา สามารถใช้แทนยาหรือการฝังเข็มได้ ในบางโรคบางอาการ โดยให้ความรู้สึกผ่อนคลายในขณะรับการรักษา ไม่มีผลข้างเคียงจากการนวด 

นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคที่แตกต่างกัน สามารถรักษาโรคได้ทั้งทางอายุรกรรม นรีเวช กุมารเวช บางกรณีอาจผสมผสานกับการฝังเข็ม การรับประทานยาสมุนไพรจีน หรือการจัดกระดูก เพื่อให้ผลการรักษาดียิ่งขึ้น


การเคาะมือวันละ 500-1,000 ครั้ง ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น 

โดยการเคาะบริเวณจุดโฮ่วซี ซึ่งเป็นจุดปาม่ายเจียวฮุ่ยที่เชื่อมกับเส้นตู และเส้นตูมีสรรพคุณกำกับเส้นหยาง 6 เส้น ปรับการไหลเวียนชี่ของเส้นหยาง มีสมญานาม “ทะเลแห่งเส้นหยาง” 

ซึ่งตามทฤษฎีสารจำเป็น ชี่ เลือด และของเหลวในร่างกาย ชี่จะเป็นตัวขับดันให้เลือดไหลเวียน ดังนั้นตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน จึงอธิบายได้ว่า วิธีดังกล่าวมีสรรพคุณตามที่อ้าง

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.dtam.moph.go.th หรือโทร. 02 5917007

อ้างอิง : กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข , ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย