เตือน อย่าหลงเชื่อ เพจปลอมมิจฉาชีพ หลอกลงทุน หวั่นสูญเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล

เตือน อย่าหลงเชื่อ เพจปลอมมิจฉาชีพ หลอกลงทุน หวั่นสูญเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล

ดีอี เตือน เพจปลอมมิจฉาชีพ "สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดขายสลากออมทรัพย์รัฐบาลไทย ปันผลสูง ครบสัญญารับเงินคืน 140%" หลอกลงทุน ขออย่าเชื่อ-แชร์ หวั่นสูญเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ที่เกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งประชาชนให้ความสนใจสูงสุด อันดับที่ 1 เรื่อง “สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดขายสลากออมทรัพย์รัฐบาลไทย ปันผลสูง ครบสัญญารับเงินคืน 140%” รองลงมาคือเรื่อง “เปิดจองหุ้นกองทุน ธุรกิจด้านพลังงาน และสาธารณูปโภค อันดับ 1 ของไทย ptt Group รับประกันเงินทุน 100%”

โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความสับสน ความเข้าใจผิด ส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง รวมถึงสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคล

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 25-31 ตุลาคม 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 832,483 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 398 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 365 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 26 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 7 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 278 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 122 เรื่อง โดยในจำนวนนี้มีข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุด จำนวน 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดขายสลากออมทรัพย์รัฐบาลไทย ปันผลสูง ครบสัญญารับเงินคืน 140%

อันดับที่ 2 : เรื่อง เปิดจองหุ้นกองทุน ธุรกิจด้านพลังงาน และสาธารณูปโภค อันดับ 1 ของไทย ptt Group รับประกันเงินทุน 100%

อันดับที่ 3 : เรื่อง ปปง. และธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดช่องทางเร่งคืนทรัพย์ให้ผู้เสียหาย 1 พันล้านบาท ผ่านเพจ สำนักงานคุ้มครองสิทธิสำหรับประชาชน

อันดับที่ 4 : เรื่อง กระทรวงยุติธรรมเปิดเพจเฟซบุ๊ก ช่วยเหลือป้องกัน การฉ้อโกงทุกรูปแบบ

อันดับที่ 5 : เรื่อง ปปง. เปิดเพจให้ผู้ตกเป็นเหยื่อการหลอกเยาวชนเปิดบัญชีม้า ลงทะเบียนรับเงินคืนผ่านเพจ ข่าวประชาสัมพันธ์ เพื่อสังคมไทย

อันดับที่ 6 : เรื่อง กรมบังคับคดี จับมือ ตำรวจไซเบอร์ เปิดเพจเฟซบุ๊ก กรมบังคับคดี การช่วยเหลือ

อันดับที่ 7 : เรื่อง ป.ป.ท. เปิดเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ป้องกันการทุจริตทางอาชญากรทางเทคโนโลยี
 

อันดับที่ 8 : เรื่อง ปปง. เปิดช่องทางเฉลี่ยคืนทรัพย์สินกว่า 150 ล้าน ผ่านเพจ แจ้งเตือนประชาชน รู้ทันเหตุการณ์

อันดับที่ 9 : เรื่อง กระทรวงยุติธรรมเปิดเพจเฟซบุ๊กใหม่ชื่อว่า กระทรวง ยุติธรรม และกระทรวงยุติธรรม รับแจ้งเรื่องออนไลน์

อันดับที่ 10 : เรื่อง SET เปิดเพจเฟซบุ๊ก Onlinemutualfunds

“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะการรับเรื่องร้องทุกข์ และการเปิดให้ลงทะเบียนผู้เสียหายจากโจรออนไลน์ มากที่สุด รวมถึงการชวนร่วมลงทุนในหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ โดยข่าวปลอมอันดับ 1 เรื่อง “สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดขายสลากออมทรัพย์รัฐบาลไทย ปันผลสูง ครบสัญญารับเงินคืน 140%” ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ” นายเวทางค์ กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทรวงการคลัง พบว่าข้อมูลที่ปรากฏ เป็นข้อมูลเท็จ โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่มีนโยบายเปิดขายสลากออมทรัพย์ตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวแต่อย่างใด และเฟซบุ๊ก Thai Government Savings Bonds ไม่ใช่เฟซบุ๊กของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดังนั้นขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ สำหรับประชาชนที่สนใจข้อมูลข่าวสารจากทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.glo.or.th หรือโทร. 02 5289999

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน สร้างความเสียหาย การเข้าใจผิด เกิดการหลงเชื่อ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

ดังนั้น จึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด โดยสามารถสอบถามผ่าน สายด่วน 1111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ขอให้ประชาชน ยึด “หลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน”

สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.) , Line ID: @antifakenewscenter , เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com