เตือนไม่ฟัง! โดนช็อตไฟฟ้า กักขังทุบตี ฝั่งปท.เพื่อนบ้านหลอก งานง่ายเงินดี
แจ้งเตือนไม่ฟัง! โดนช็อตไฟฟ้า กักขังทุบตี ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านหลอกไปทำงานต่างประเทศ อ้างงานง่ายเงินดี ที่แท้ไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ตำรวจแจ้งเตือนไม่ฟัง! ทำโทษโดนช็อตไฟฟ้า กักขังทุบตี ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านหลอกไปทำงานต่างประเทศ อ้างงานง่ายเงินดี อยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้ เพราะโดนหลอกไปเป็น “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”
จากหลายคดีของตำรวจไซเบอร์ที่ผ่านมา ตำรวจไซเบอร์ได้จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ระดับบัญชีม้า จนไปถึงระดับหัวหน้าโอเปอเรเตอร์ ทำให้ทราบเรื่องราวของผู้ต้องหาที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน วันนี้แอดมินจึงขอนำเรื่องราวของพวกเขามาเตือนภัยให้พี่น้องประชาชนรับฟังกัน
ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้ข้อมูลเป็นแนวทางเดียวกันว่า เริ่มจากการหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต แล้วพบกับประกาศรับหางาน ณ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่อ้างว่าเป็นงานง่ายๆ แต่ได้ผลตอบแทนสูง เช่น แอดมินเว็บไซต์ เจ้าหน้าที่ธุรการ หรือแม้กระทั่งประกาศตรงๆไปเลยว่า หาคนรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร
จากนั้น แอดมินของกลุ่มหางานจะหลอกให้ผู้สนใจ ทำการเปิดบัญชีนาคาร โดยอ้างว่าใช้เป็นบัญชีรับเงินเดือนบ้าง หรือ อ้างว่าใช้สำหรับทำงานบ้าง แล้วแต่เหตุผลที่ยกมาอ้างกันไป
ต่อมา จะมีนายหน้าพาผู้สนใจเดินทางข้ามชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ แล้วพาไปพักอาศัยในอาคารที่มีรั้วสูงรอบขอบชิด มี รปภ. เฝ้าตลอดเวลา ไม่สามารถออกไปไหนได้ แล้วพบกับกลุ่มคนไทยที่ถูกขังอยู่ในสถานที่เดียวกัน ทำให้ตอนนั้นรู้ตัวแล้วว่า โดนหลอก !
เมื่อรู้ตัวก็หนีไปไหนไม่ได้ สุดท้ายก็จะโดนบังคับให้ทำหน้าที่ต่างๆ ในขบวนการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากใครทำยอดไม่ได้ตามเป้า หรือทำผิดกฎข้อห้าม หรือแม้พยายามหลบหนี ก็จะโดนทำโทษด้วยวิธีการโหดร้ายต่างๆ อาทิ บังคับให้ยืนตากแดดหลายชั่วโมง ทำร้ายร่างกายโดยการทุบตี ช็อตด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า งดอาหารงดน้ำ รวมทั้งการบังคับให้ทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่มีวันหยุด
นอกจากนี้ บัญชีธนาคารที่เคยเปิดไว้ จะถูกพวกนายทุนนำมาเป็นบัญชีม้าเพื่อรับโอนเงินจากเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วโอนไปยังบัญชีม้าแถวต่อไป หากมีการโอนเงินจำนวนเยอะ ก็จะถูกบังคับให้สแกนใบหน้าเพื่อทำการโอนเงิน
สุดท้าย หากโชคดีสามารถหนีกลับประเทศไทยได้ หรือ ถูกปล่อยตัว ก็จะกลับมาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในฐานะ “บัญชีม้า” รวมถึงคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคดี ขึ้นอยู่กับจำนวนเหยื่อที่เข้าแจ้งความ
ตำรวจไซเบอร์จึงขอนำเรื่องราวมาเตือนภัยและเป็นอุทาหรณ์ ขอให้พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจข้ามแดนไปหางานทำ ณ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากโดนทรมานแล้ว อาจกลับประเทศมาในฐานะผ็ต้องหาอีกด้วย