คดี ‘ดิไอคอน’ ถึงมือ ‘บวรศักดิ์‘ ‘สคบ.’ ชงกฤษฎีกาชี้ขาด ถอนใบอนุญาตธุรกิจ

คดี ‘ดิไอคอน’ ถึงมือ ‘บวรศักดิ์‘  ‘สคบ.’ ชงกฤษฎีกาชี้ขาด ถอนใบอนุญาตธุรกิจ

สคบ.ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ชี้ขาดกรณีถอนใบอนุญาต ธุรกิจขายตรง "จิราพร" นัดประชุมป้องกันและปราบการธุรกิจแชร์ลูกโซ่พรุ่งนี้

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่ากรณีการเพิกถอนใบอนุญาตทำธุรกิจของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ทำหนังสือสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกา ถึงข้อกฎหมายว่าสามารถเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงของบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป ว่าจะสามารถใช้อำนาจทางปกครองถอดถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้หรือไม่

เนื่องจากในข้อร้องเรียนระบุว่ามีลักษณะขัดต่อกฎหมายมาตรา 19 ของ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่งห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวนั้น ทางองค์คณะของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ในเวลา  16.00 น.ของวันที่ 20 พ.ย.2567 ซึ่งต้องฟังผลการพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ในการประชุม คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสํานักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน น.ส.จิราพร ได้กล่าวระหว่างการเป็นประธานการประชุม ว่า ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ และเกี่ยวเนื่องกับสคบ. จากกรณีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จนทำให้ภาพลักษณ์ของ สคบ.ต่อประชาชนสั่นคลอน ดังนั้นภารกิจของตนจะต้องฟื้นฟู สคบ.และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ในฐานะเป็นหน่วยงานภาครัฐในการเป็นที่พึ่งของประชาชน โดยเฉพาะผู้บริโภค  รวมถึงกรณีพาดพิงมาที่ สคบ. ต้องแก้ไขในสิ่งที่เป็นปัญหา แต่ข้าราชการที่เป็นน้ำดีนั้นยังมีอยู่ ก็จะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และส่วนที่เป็นปัญหา ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน

ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมาดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อสืบหาข้อเท็จจริง ทั้งกรณีคลิปเสียง รวมถึงให้ข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาระยะยาว เช่น ประเด็นข้อจำกัดทางกฎหมาย และการทำงาน อย่างไรก็ตาม หาก สคบ. คณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีประสบการณ์ มีข้อเสนอแนะ อยากให้ สคบ.ปรับปรุงการทำงาน หรือยกระดับการทำงานในอนาคต 

ด้าน น.ส.ทรงศิริ จุมพล รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผุ้บริโภค (สคบ.) ในฐานะรักษาการแทนเลขาธิการ สคบ. เปิดเผยว่า ในวันที่  21พ.ย. เวลา 10.00 น.น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือแนวทางป้องกันและปราบการธุรกิจแชร์ลูกโซ่

 ประกอบด้วย สคบ. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคหรือ บก.ปคบ. กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ส่วนกรณีที่รมต.ประจำสำนักนายกฯ สั่งการให้ สคบ. ไปตรวจสอบ 10 บริษัท ที่เข้าข่ายลักษณะแชร์ลูกโซ่ สคบ. ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว  ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ“เชิงลึกต่อไป