ราชกิจจาฯ ประกาศ พ.ร.ฎ. การจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ พ.ศ. 2567
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ พระราชกฤษฎีกา การจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ พ.ศ. 2567 มีผลบังคับใช้พรุ่งนี้
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา การจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ พ.ศ. 2567
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ พ.ศ. 2567"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้
"ป่าชุมชน" หมายความว่า พื้นที่อื่นของรัฐนอกเขตป่าอนุรักษ์ที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเป็นป่าชุมชน
"พื้นที่ของรัฐ" หมายความว่า พื้นที่ดำเนินการของรัฐตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา 5 การจัดตั้งป่าชุมชนตามพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ดำเนินการในพื้นที่ของรัฐที่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมาย ดังต่อไปนี้
(1) กฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ
(2) กฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ
(3) กฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
(4) กฎหมายเกี่ยวกับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
มาตรา 6 การจัดตั้งเป็นป่าชุมชนต้องได้รับความยินยอมหรือได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานของรัฐที่ปกครองดูแลพื้นที่อื่นของรัฐนั้น และต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดให้ครบถ้วนถูกต้องก่อนขอจัดตั้งป่าชุมชน
- อ่านฉบับเต็ม พระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ พ.ศ. 2567 (คลิก)
สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 กำหนดให้การจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐให้เป็นไปตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา โดยต้องมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งป่าชุมชน การจัดการป่าชุมชน การควบคุมดูแลป่าชุมชน การเพิกถอนป่าชุมชน และการอื่นที่จำเป็น จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้