"ฟิล์ม" ควงทนายดังพบ ตร. ปฏิเสธ 2 ข้อหา ปมคลิปเสียงเรียกเงิน บอสดิไอคอน 20 ล้าน

"ฟิล์ม" ควงทนายดังพบ ตร. ปฏิเสธ 2 ข้อหา ปมคลิปเสียงเรียกเงิน บอสดิไอคอน 20 ล้าน

"ฟิล์ม รัฐภูมิ" ควงทนายดังพบตำรวจ ปฏิเสธ 2 ข้อหา ปมคลิปเสียงเรียกเงิน บอสดิไอคอน 20 ล้าน มั่นใจไม่ได้ทำอะไรผิด ลั่นเตรียมเอาคืนนักร้องเรียนมั่วข้อมูลใส่ร้าย

วันนี้ (6 ธันวาคม 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" เดินทางมาพร้อมด้วย ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความ เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ตามหมายเรียกในคดี ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์ และข้อหาหมิ่นประมาท กรณีคลิปเสียงเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากบอสดิไอคอน

 

กระทั่งเวลาประมาณ 15.30 น. "ฟิล์ม รัฐภูมิ" และ "ทนายประมาณ" ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว โดย ทนายประมาณ กล่าวว่า วันนี้มารับทราบข้อกล่าวหาและปฏิเสธทั้ง 2 ข้อกล่าวหา ซึ่งให้การด้วยเหตุและผล ไม่ได้ปฏิเสธลอยๆ ส่วนกรณีหมิ่นประมาท "หนุ่ม กรรชัย" เท่าที่ฟังจากคลิปเสียงก็ไม่มีข้อความไหนไปกล่าวหา หมิ่นประมาทด้อยค่าแต่ประการใด

ส่วนข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ ตนมองว่าควรจะต้องข่มขู่ให้เขากลัว ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือพยายามจะใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งก็ไม่มีข้อความไปข่มขู่กดดันคุกคามให้เกิดความหวาดกลัว ซึ่งข้อความที่กล่าวหาว่า "อย่าไปออกรายการอื่น ให้มาออกรายการโหนกระแส เพราะเป็นรายการหลักที่มีกระแสดีมาก" นั้น ก็เป็นการบอกให้รู้และเตือนสติ ไม่ได้เป็นการข่มขู่และกดดัน จึงมองว่าทั้ง 2 ข้อหาไม่เข้าองค์ประกอบความผิด

ส่วนที่ "หนุ่ม กรรชัย" ให้โอกาส "ฟิล์ม" โดยโทรหา 3-4 รอบ แต่ฟิล์มไม่ยอมรับผิดนั้น "ทนายประมาณ" ระบุว่า ก็มีความเป็นไปได้ที่หนุ่มจะใช้อารมณ์ และเกิดความเครียดหลังจากที่โทรหาแล้วไม่รับ และเป็นเรื่องส่วนบุคคล

 

ด้าน "ฟิล์ม" กล่าวว่า พี่หนุ่มโทรมาหา 3-4 ครั้ง มีการพยายามให้ยอมรับในสิ่งที่ตนไม่ได้ทำ ซึ่งตนเป็นคนตรงๆ หากผิดก็ยอมรับว่าผิด แต่หากไม่ผิดจะมาหาว่าตนผิด ตนก็ไม่ยอม และเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดย้ำว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ไม่ได้พูดอะไรเพราะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปตั้งแต่วันแรกแล้ว และทำตามกรอบกฎหมายทุกประการ แต่ในวันนี้ตนเห็นว่าสังคมไม่ฟังอะไร จึงต้องออกมา เหมือนกับทุกคดีที่ผ่านมาตั้งแต่เด็ก และผลสุดท้ายตนก็ชนะทุกคดี ยืนยันในเจตนาและความบริสุทธิ์ใจ และการกระทำทุกอย่างของตนอยู่ในคลิปเสียงอยู่แล้ว

"ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เคยถูกนำชื่อไปแอบอ้าง มีการนำภาพไปสกรีนเสื้อและแอบอ้างชื่อ แต่ก็ไม่เคยคิดจะเอาผิด มองว่าเป็นการทำอาชีพสุจริต ซึ่งตนก็เป็นคนๆ นั้นที่ทำอาชีพสุจริต และไม่ได้ไปแอบอ้างใครในการทำสิ่งไม่ดี ยืนยันไม่ได้โกรธพี่หนุ่ม และไม่ได้จะไปเคลียร์ใจอะไร มองว่าเฉยๆ และมองให้เป็นเรื่องปกติ"

ถ้าถามว่าตนเครียดหรือไม่ก็ยืนยันว่าไม่เครียด แต่เครียดเรื่องนักร้องเรียนที่มาร้องเรียนข้อมูลมั่วตั้งแต่แรกมากกว่า ที่มีการบอกว่าทำไมตนไม่นำหน้าตาดีๆ ไปทำธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจบาปนั้น ยืนยันว่าตนทำธุรกิจที่สุจริตมาโดยตลอด บุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีข้อมูล แต่อยากวิ่งหาแสง โดยบุคคลเหล่านี้มีการปลุกปั่นกันผ่านแชทข้อความ เพื่อให้ผู้เสียหายมาแจ้งความกับตน จึงอยากฝากไปถึงผู้เสียหายทุกคนว่า ตนรักและเป็นห่วงทุกท่าน อยู่ข้างๆ พวกท่านมาโดยตลอด อยู่เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด แต่นักร้องเรียนไม่รู้เรื่อง พยายามสร้างความปลุกปั่น เหตุใดจึงต้องมาโทษคนที่ไม่รู้เรื่อง และสร้างวาทะกรรมแปลกๆ มาโจมตีกัน จึงมีการปรึกษากับทนายประมาณว่าจะดำเนินคดีจัดหนักแน่นอน