โดน! ชง ปปง. ยึดทรัพย์นายทุนทิ้งขยะพิษ เพื่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพประชาชน

โดน! ชง ปปง. ยึดทรัพย์นายทุนทิ้งขยะพิษ เพื่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพประชาชน

กมธ.วุฒิสภา ชง ปปง. ยึดทรัพย์นายทุนทิ้งขยะพิษ เพิ่มโทษเอาผิดนายทุนตั้งโรงงานเถื่อนและทิ้งขยะพิษ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพประชาชน

กรณี กมธ.วุฒิสภา ชง ปปง.  ยึดทรัพย์นายทุนทิ้งขยะพิษ คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เตรียมระดมพลังผลักดันการเพิ่มโทษเอาผิดนายทุนตั้งโรงงานเถื่อนและทิ้งขยะพิษ พร้อมมาตรการยึดทรัพย์ หวังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษากรณีสารเคมีรั่วไหลจากเหตุระเบิดของโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ ที่จังหวัดปราจีนบุรีและพื้นที่อื่นๆ

โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจงและให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ ณ ห้องประชุม CA 429 อาคารรัฐสภา ประกอบด้วย

  • ผู้แทนจากกรมควบคุมมลพิษ
  • กรมการจัดหางาน
  • กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
  • สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.

นายชีวะภาพ กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งขยะพิษอย่างจริงจังว่า คณะกรรมาธิการฯ มีแผนที่จะระดมความคิดและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

  1. ภาครัฐ
  2. ภาคเอกชน
  3. ภาคประชาชน 

เพื่อร่วมกันปรับปรุงกฎหมายให้มีความเข้มงวดมากขึ้น และกำหนดมาตรการลงโทษที่รุนแรงมากขึ้นสำหรับผู้กระทำผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้มาตรการยึดทรัพย์ผู้ที่กระทำการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวและลดการกระทำผิดซ้ำ ซึ่งจะเป็นการสร้างความตระหนักและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในภาคธุรกิจ รวมถึงการสร้างกลไกการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ

โดน! ชง ปปง. ยึดทรัพย์นายทุนทิ้งขยะพิษ เพื่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพประชาชน

การผลักดันกฎหมายดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลักลอบทิ้งขยะพิษที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง

การเพิ่มโทษทางอาญาและการใช้มาตรการยึดทรัพย์ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องปรามและลงโทษผู้กระทำผิดอย่างมีประสิทธิภาพ

คณะกรรมาธิการฯ คาดหวังว่าการปรับปรุงกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จะช่วยลดปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศได้อย่างยั่งยืน