กองปราบ ค้นเป้าหมาย 4 จุด หาหลักฐานเพิ่มคดีสังหาร 'สจ.โต้ง'
ตำรวจกองปราบ เข้าค้นเป้าหมาย 4 จุด หาหลักฐานเพิ่มเติมในคดีสังหาร "สจ.โต้ง" นำตู้เซฟ-เอกสาร-รถ ไปตรวจสอบ
วันนี้ (22 ธ.ค. 67) จากกรณีการสังหาร "สจ.โต้ง" นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ โดยมี "โกทร" นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกอบจ.ปราจีนบุรี ตกเป็นผู้ต้องหาพร้อมคนสนิท รวม 7 ราย ถูกนำตัวฝากขังไปแล้ว ขณะที่ความคืบหน้าทางคดีได้โอนสำนวนการสอบสวนมาให้กองปราบปรามฯ ดำเนินการต่อ ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด วันนี้ ตำรวจกองปราบ เข้าไปค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุดสำคัญ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมในคดีสังหาร "สจ.โต้ง" ซึ่งแต่ละจุดล้วนเป็นของ "โกทร" และคนใกล้ชิด โดยช่วงเช้า ไปค้นออฟฟิศหญิงคนสนิทโกทร
ส่วนช่วงบ่าย ไปค้นสำนักงานโกทร, บ้านและรีสอร์ทหญิงคนสนิทโกทร, โกดังเก็บของรับเหมาก่อสร้าง-สวน โกทร ซึ่งถือเป็นการตรวจค้นก่อนวันรับสมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ปราจีนบุรี ในวันพรุ่งนี้ด้วย
โดยจุดแรก ชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำกำลังเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยง และหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดีสังหาร สจ.โต้ง หลังแนวทางการสืบสวนพบว่า อาคารพาณิชย์แห่งนี้ เป็นที่พักของหญิงคนสนิทของนายสุนทร หรือ "โกทร" และพบว่าโกทรเดินทางมาที่นี่เป็นประจำ อีกทั้ง สจ.โต้ง และ รองอุ๊ ยังเคยเดินทางมาที่นี่ด้วย
ทั้งนี้ แนวทางการสืบสวนพบว่าหญิงคนสนิทของโกทรคนนี้ เป็นคนที่ติดต่อโกทรตลอดเวลา และหลังจากเกิดเหตุ ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
โดยเมื่อตำรวจมาถึง ไม่มีคนมาเปิดประตู ตำรวจจึงให้ตัดกุญแจเข้าไป โดยมีคนกลางในการนำเข้าพื้นที่และเข้าไปตรวจค้นด้านใน จากการตรวจค้นพบว่า อาคารดังกล่าวเป็นลักษณะออฟฟิศ ภายในมีการแบ่งห้องทำงาน โดยตำรวจใช้เวลาการตรวจค้นประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งได้ตรวจยึดเอกสารจำนวน 1 ลัง รวมถึงตู้เซฟ ที่อยู่ภายในอาคารพาณิชย์ ขนขึ้นรถเพื่อนำไปตรวจสอบด้วย และตลอดการเข้าตรวจค้น มีเพียงชุดสืบสวนของกองปราบปรามเข้าไปเท่านั้น ส่วนตำรวจท้องที่ไม่ได้เข้าร่วมตรวจค้น
นอกจากนี้ จากาการสำรวจด้านหน้าอาคาร พบว่า มีการถอดปลั๊กกล้องวงจรปิดทั้ง 4 ตัวออกด้วย
จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยตำรวจกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้นำชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน หลายสิบนาย พร้อมชุดสืบสวน เข้าปิดล้อมตรวจค้นโกดังเก็บของแห่งหนึ่ง ใน ต.บุฝ้าย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งพบว่า โกดังแห่งนี้ เป็นโรงเก็บของ อุปกรณ์ที่ใช้รับเหมาก่อสร้างของบริษัทของโกทร
เมื่อมาถึง ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานได้เข้าเคลียร์พื้นที่ เนื่องจากโกดังแห่งนี้มีขนาดใหญ่ เกินกว่า 10 ไร่ จากนั้นประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบ เพื่อเก็บร่องรอยและค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องกับทางคดีสังหาร สจ.โต้ง ด้วย ซึ่งใช้เวลาในการตรวจค้นนานกว่า 3 ชั่วโมง โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปภายในพื้นที่ปฏิบัติงาน ซึ่งพบว่า มีคนงานที่เฝ้าโกดังแห่งนี้ อยู่ 1 คน
และจากการสังเกตพบว่า โกดังแห่งนี้ มีทั้งรถบรรทุก รถแบคโฮ จำนวนหลายคัน รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ในงานก่อสร้าง และเศษเหล็กต่างๆ ที่ใช้งานแล้วกองอยู่จำนวนมาก
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า โกดังจุดที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าตรวจค้น ก่อนหน้านี้ พบข้อมูลว่า เป็นที่ซุกซ่อนอาวุธปืน และเป็นที่อยู่ของลูกน้องโกทรที่เป็นมือปืนและผู้ติดตาม ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
จุดที่ 3 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นสำนักงานของโกทร ที่อยู่ใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ ประมาณ 100 เมตร โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นของศาลจังหวัดปราจีนบุรี ก่อนเข้าตรวจค้นภายในสำนักงาน ซึ่งเป็นสำนักงานสมัยที่โกทร ดำรงตำแหน่ง สส. และปัจจุบันใช้รองรับแขกที่มาติดต่อประสานงาน
ซึ่งตำรวจใช้เวลาตรวจค้น ประมาณ 1 ชั่วโมง พบภายในสำนักงาน มีเจ้าหน้าที่มาทำงานปกติ เบื้องต้น พบเอกสารบางส่วน จำนวน 1 ลัง และพบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ โดยได้เก็บหลักฐานทั้งหมดเข้ากล่องปิดผนึก ซึ่งตำรวจยังไม่ให้ข้อมูลได้เพิ่มเติม ว่าหลักฐานที่ตรวจยึดได้เกี่ยวข้องกับใคร หรือเชื่อมโยงคดีอย่างไร ขอนำไปตรวจสอบก่อน
นอกจากนี้ พื้นที่ด้านหน้าสำนักงาน พบข้อมูลด้วยว่า เป็นจุดรวมตัวของมือปืนลูกน้องของโกทร ที่จะมารวมตัวกันที่ซุ้มนี้ โดยจะมีที่นั่ง และจอทีวีติดตั้งไว้ ส่วนอาคารด้านข้าง พบเป็นห้องพักของมือปืนลูกน้องโกทร ซึ่งในวันนี้ไม่มีคนประจำการอยู่
ส่วนจุดที่ 4 คือ บ้านและรีสอร์ทหญิงคนสนิท ซึ่งพบตัวของหญิงดังกล่าวเข้ามาที่บ้านด้วย ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กับโกทร เป็นเพียงเลขาเท่านั้น และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น และตู้เซฟที่ตำรวจตรวจยึดไปที่สำนักงาน เป็นทองคำ
โดยตำรวจได้ตรวจค้นรถ 4 คันที่อยู่ในบ้าน และตรวจยึดรถสีดำ รวม 2 คัน ไปทำการตรวจสอบ ทั้งนี้ยังพบอีกว่า หลังบ้านของหญิงดังกล่าว เปิดเป็นรีสอร์ทด้วย จึงได้เข้าทำการตรวจสอบเพิ่มเติม