สรุปคดี ดิไอคอน พร้อมเปิดเหตุผล อัยการสั่งไม่ฟ้อง 'บอสแซม-บอสมิน'
สรุปคดี ดิ ไอคอน พร้อมเปิดเหตุผล อัยการสั่งไม่ฟ้อง "บอสแซม-บอสมิน" พยานหลักฐานไม่เพียงพอ เตรียมส่งสำนวนให้อธิบดีดีเอสไอ พิจารณาความเห็นแย้ง
ความคืบหน้าคดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" ภายหลัง อัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง "บอสแซม-บอสมิน" ทุกข้อหา บอสพอล-บอสกันต์ และพวกรวม 17 ราย โดน 4 ข้อหา โดยศาลประทับรับฟ้องเป็นคดีอาญาหมายเลขดำ ที่รับเป็นคดี อทย 14/2568 พร้อมนัดสอบคำให้การในวันที่ 9 ม.ค. 2568 เวลา 09.00 น.
อัยการพิจารณาสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาหลักจำนวน 16 ราย ซึ่งรวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ
ผู้ต้องหาที่ 1 บริษัท ดีไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กรรมการผู้มีอำนาจ
ผู้ต้องหาที่ 2 นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล
ผู้ต้องหาที่ 3 นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือ บอสแล็ป
ผู้ต้องหาที่ 4 นายกลด เศรษฐนันท์ หรือ บอสปีเตอร์
ผู้ต้องหาที่ 5 น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน
ผู้ต้องหาที่ 6 นายฐานานนท์ หิรัญไขยวรรณ หรือ บอสหมอเอก
ผู้ต้องหาที่ 7 น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือ บอสสวย
ผู้ต้องหาที่ 8 น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์ หรือ บอสโชดา
ผู้ต้องหาที่ 9 นายนันทธรัฐ เขาวนปรีชา หรือ บอสโอม
ผู้ต้องหาที่ 10 นายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือ บอสวิน
ผู้ต้องหาที่ 11 น.ส.กนกธร ปูรณะสุคนธ์ หรือ บอสแม่หญิง
ผู้ต้องหาที่ 12 น.ส.เสาวภา วงษ์สาขา หรือ บอสอูมมี่
ผู้ต้องหาที่ 13 นายเชษฐ์ณภัฏ อภิพัฒนกานต์ หรือ บอสทอมมี่
ผู้ต้องหาที่ 14 นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ หรือ บอสป้อบ
ผู้ต้องหาที่ 15 นางวิไลลักษณ์ ยาวิชัย หรือ บอสจอย
ผู้ต้องหาที่ 16 นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ หรือ บอสออฟ
ผู้ต้องหาที่ 19 นายกันต์ กันตถาวร หรือ บอสกันต์
ทั้งนี้ สั่งไม่ฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ บอสแซม ผู้ต้องหาที่ 17 และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ บอสมิน ผู้ต้องหาที่ 18
เปิดเหตุผล อัยการ สั่งไม่ฟ้อง บอสแซม - บอสมิน
นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า เหตุผลที่อัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะยังมีส่วนของผู้ต้องหาที่ถูกสั่งฟ้อง และคำสั่งไม่ฟ้องยังไม่เด็ดขาด จะต้องเสนอต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะเห็นชอบหรือเห็นแย้ง จึงไม่สามารถกล่าวถึงรายละเอียดทั้งหมดได้ กล่าวได้เพียงว่าผู้ต้องหาทั้งสอง มีพยานหลักฐานไม่พอรับฟังได้ว่าทั้งคู่ร่วมกระทำความผิดในข้อหาดังกล่าวกับผู้ต้องหาอื่น
เมื่อถามว่าช่วงเวลาที่พิจารณาคดีทั้งหมดสามารถพิจารณาสำนวนคดีที่ดีเอสไอส่งมาทั้งหมดได้หรือไม่ เนื่องจากจำนวนของสำนวนคดีค่อนข้างมาก
นายศักดิ์เกษม กล่าวว่า ช่วงปีใหม่คณะทำงานทุกคน ไม่มีใครได้หยุดเลย สำนวนคดีนี้มีเอกสารมากกว่า 3 แสนหน้า มีการสอบพยานหลักฐานหลายพันคน ทำให้คณะทำงานต้องทำงานอย่างละเอียด และยังมีผู้ร้องขอความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายที่คณะทำงานจะต้องพิจารณาในส่วนนี้อีก และผู้ต้องหาทุกคนจะครบฝากขังในวันนี้ ทำให้คณะทำงานต้องเร่งทำให้เสร็จ ก่อนครบกำหนดฝากขัง
เมื่อถามว่าในทางปฏิบัติ เมื่อมีคำสั่งไม่ฟ้องนายยุรนันท์ หรือบอสแซม และ น.ส.พีชญา หรือ บอสมิน วันนี้จะต้องมีการปล่อยตัวหรือไม่ เพราะครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายวันนี้
นายศักดิ์เกษม กล่าวว่า ในทางปฏิบัติเมื่ออัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ต้องยื่นคำร้องต่อศาลให้ปล่อยผู้ต้องหาที่สั่งไม่ฟ้อง หลังจากนั้นจะต้องมีการปล่อยตัวไม่ว่าจะครบกำหนดฝากขังหรือไม่ ส่วนประเด็นการสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดหรือไม่ ต้องรอเสนออธิบดีดีเอสไออีกครั้ง
เมื่อถามว่าเมื่ออัยการคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง 2 ผู้ต้องหา ขั้นตอนจะต้องให้อธิบดีดีเอสไอทำความเห็นแย้งใช่หรือไม่
นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ อัยการอาวุโสสำนักงานคดีอาญา ในฐานะที่ปรึกษาโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้อัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา 2 ราย ซึ่งทันทีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง จะต้องส่งสำนวนคดีไปให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่ามีความเห็นแย้งคำสั่งของอัยการหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาไม่นาน ส่วนเหตุผลที่อัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา 2 รายดังกล่าวนั้น เรายังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะยังอยู่ในอำนาจการพิจารณาของอธิบดีดีเอสไอ
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า ถ้าหากอธิบดีดีเอสไอมีความเห็นพ้องกับความเห็นของอัยการคดีพิเศษที่สั่งไม่ฟ้อง กระบวนการสั่งไม่ฟ้องก็จะสิ้นสุด อย่างไรก็ตามการสั่งไม่ฟ้องนั้น ความหมายก็คือ ในชั้นนี้ทั้งดีเอสไอและอัยการยังไม่มีพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าผู้ต้องหาที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้น มีพยานหลักฐานที่จะสามารถพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหาได้ แต่ถ้าในอนาคตมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่จะนำมาพิจารณาต่อไปได้
ในชั้นนี้ พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ต่อศาลว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาเท่านั้น แต่ถ้าอธิบดีดีเอสไอโต้แย้งมาให้สั่งฟ้อง ก็เป็นดุลยพินิจของท่าน และขั้นตอนหลังจากนั้นก็จะต้องให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาด