ผจก.แบงก์รวมหัวกันโกง 80 ล้าน บุกจับ 7 ปลอมเอกสารราชการ หลอกขอสินเชื่อ

ผจก.แบงก์รวมหัวกันโกง 80 ล้าน บุกจับ 7 ปลอมเอกสารราชการ หลอกขอสินเชื่อ

บุกจับ 7 ราย ตำรวจสอบสวนกลาง CIB ทลายขบวนการขายปุ๋ยทิพย์ ปลอมเอกสารราชการ หลอกขอสินเชื่อธนาคารดัง ผจก.แบงก์รวมหัวกันโกง ความเสียหายกว่า 80 ล้านบาท

กรณีตำรวจสอบสวนกลาง CIB ทลายขบวนการขายปุ๋ยทิพย์ ผจก.แบงก์รวมหัวกันโกง ปลอมเอกสารราชการ หลอกขอสินเชื่อธนาคารดัง ความเสียหายกว่า 80 ล้านบาท บุกจับ 7 ราย 

เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ มอญรัต,ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์, ว่าที่ พ.ต.ต.พิชญากร แตงรอด สว.กก.5 บก.ปอศ., ร.ต.อ.บัญชา ช่วยรอดหมด รอง สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ได้จับกุม 7 ผู้ต้องหา

พร้อมตรวจยึด ดังนี้
1. สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม
2. เอกสาร 17 ชุด
3. บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 4 ใบ
4. โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง
5. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง

สถานที่จับกุม ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, จ.นครนายก และ จ.ราชบุรี

 

ผจก.แบงก์ รวมหัวกันโกง 80 ล้าน บุกจับปลอมเอกสารราชการ หลอกขอสินเชื่อ

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมกราคม 2568 ได้มีธนาคารแห่งหนึ่ง เข้ามาร้องทุกข์ต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ว่าได้ตรวจพบความผิดปกติของการยื่นเอกสารและหลักฐานประกอบการยื่นขอสินเชื่อกับทางธนาคารเป็นจำนวนมาก

เบื้องต้นเชื่อว่าอาจมีการใช้เอกสารราชการปลอม

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ยื่นขอสินเชื่อดังกล่าวยังมีอัตราก่อหนี้เสียและขาดการผ่อนชำระเป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ.รรท.ผบก.ปอศ. จึงสั่งการให้ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ดำเนินการสืบสวนสอบสวน และจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. จึงสั่งการให้สืบสวน จนพบว่ามี กลุ่มนายหน้าและลูกค้าผู้กู้ ทำทีสมคบกันจัดตั้งกิจการขึ้น ใช้เอกสารแสดงตนเองว่ามีอาชีพหรือเป็นผู้ประกอบกิจการขายปุ๋ยในการยื่นขอสินเชื่อเหมือนกันทั้งหมด

โดยใช้เอกสารใบอนุญาตขายปุ๋ย (อ.ป.1) ของกรมวิชาการเกษตร เป็นเอกสารประกอบการยื่นสินเชื่อ

จากนั้นกลุ่มนายหน้าจะส่งเอกสารให้ผู้จัดการธนาคารลงนามอนุมัติสินเชื่อธนาคาร เมื่อธนาคารอนุมัติสินเชื่อแล้ว ลูกค้าผู้กู้จะโอนเงินส่วนแบ่งไปให้กลุ่มนายหน้า

จากนั้นกลุ่มนายหน้าจะโอนเงินส่วนแบ่งให้กับผู้จัดการธนาคารดังกล่าว ซึ่งภายหลังจากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบใบอนุญาตขายปุ๋ย (อ.ป.1) กับกรมวิชาการเกษตร โดยพบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม

จึงถือว่า การกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ขบวนการขายปุ๋ยทิพย์ ปลอมเอกสารราชการ หลอกขอสินเชื่อ ความเสียหายกว่า 80 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนสามารถพิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิดได้ทั้งขบวนการ

จากนั้นจึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญา จำนวน 2 จุด, ศาลจังหวัดนครนายก จำนวน 1 จุด และศาลจังหวัดราชบุรี จำนวน 1 จุด ภาย

หลังจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, จ.นครนายก และ จ.ราชบุรี และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

สำหรับ ผู้ต้องหาที่ 2,3,4,6 ความผิดฐาน

  • ร่วมกันฉ้อโกง
  • ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม
  • ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใด บุคคลหนึ่ง อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา

ผู้ต้องหาที่ 1,2,3,5,6,7 ความผิดฐาน

  • ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม
  • ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใด บุคคลหนึ่ง อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย การปลอมแปลงเอกสารทั้งฉบับหรือส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ แก้ไข ประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หากได้กระทำเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร มีความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนี้

  1. ผู้ที่ทำเอกสารปลอม มีความผิดฐานทำเอกสารปลอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  2. หากเอกสารที่ปลอมขึ้นมา เป็นเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ พินัยกรรม ใบหุ้น ตั๋วเงิน บัตรเงินฝากต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท
  3. หากเอกสารที่ปลอมขึ้นมา เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ เช่น โฉนดที่ดิน สัญญาจดทะเบียน และพินัยกรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท

สำหรับผู้ที่ใช้เอกสารปลอม กรณีมีการอ้างหรือใช้เอกสารที่ปลอมขึ้นตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ

ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับความเสียหายจากการใช้เอกสารปลอม หรือพบเบาะแสว่ามีบุคคลใดรับจ้างทำเอกสารปลอม สามารถแจ้งเบาะแสมายังตำรวจสอบสวนกลางได้

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ

  • พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,
  • พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก.,
  • พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ.รรท.ผบก.ปอศ.,
  • พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,
  • พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ.,
  • พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี,
  • พ.ต.ท.วิวัฒนชัย คลื่นแก้ว,
  • พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ
  • พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ รอง ผกก.5 บก.ปอศ.

อ้างอิง - กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)