ศกพ. เตือน ช่วง 13-16 ก.พ. 68 สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มสูง

ศกพ. เตือน ช่วง 13-16 ก.พ. 68 สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มสูง บางพื้นที่อยู่ในระดับสีแดง ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ รายงานคุณภาพอากาศประจำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ณ 12:00 น ภาพรวมปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ในประเทศ พบเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ (สีส้ม) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลพบบางพื้นที่ฝุ่นละอองเริ่มอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) สำหรับพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานการณ์โดยรวมเกินเกณฑ์มาตรฐานหลายจังหวัดเช่นเดียวกัน โดยภาคเหนือ ตรวจวัดได้ 18.9 – 57.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 23.2 - 65.8 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและภาคตะวันตก 28.8 - 64.9 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก 23.7 - 61.7 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ 17.4 - 41.5 มคก./ลบ.ม. กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 37.7 - 92.2 มคก./ลบ.ม.
ศกพ.ขอแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ระหว่างวันที่ 13 – 16 กุมภาพันธ์ 2568 มีแนวโน้มเกินเกณฑ์มาตรฐานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่อาจพบบางพื้นที่อยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) และพื้นที่อื่นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ได้แก่ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ภาคเหนือ พื้นที่ภาคตะวันออก พื้นที่ภาคกลางและพื้นที่ภาคตะวันตก
ทั้งนี้ สถานการณ์มีแนวโน้มที่จะบรรเทาลงอย่างมีนัยสำคัญหลังวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เนื่องจากอัตราการระบายอากาศเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาที่เอื้อต่อการระบายฝุ่นละอองมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยทางด้านอุตุนิยมวิทยา ยังคงส่งผลต่อการระบายของฝุ่นละออง โดยในช่วงที่ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อัตราการระบายอากาศค่อนข้างต่ำ อีกทั้งเกิดสภาพอุณหภูมิผกผันใกล้ผิวพื้น และมีสภาพเพดานการลอยตัวอากาศที่ต่ำมาก เกิดลักษณะคล้ายฝาชีครอบ ส่งผลให้ฝุ่นละอองไม่สามารถระบายออกจากพื้นที่ได้ จึงมีการสะสมและแขวนลอยในชั้นบรรยากาศได้มาก นอกจากนี้ข้อมูลจาก GISTDA พบว่าประเทศไทยยังคงพบจุดความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 พบจุดความร้อนทั้งสิ้น 1,248 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตร
ศกพ. ยังคงขอความร่วมมือประชาชนทุกท่าน งดการเผาในที่โล่งทุกชนิด รวมถึงใช้รถโดยสารสาธารณะ เพื่อลดปริมาณการจราจรบนท้องถนน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย เด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ ขอให้พี่น้องประชาชนดูแลสุขภาพ ลดกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีความจำเป็นควรสวมใส่หน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันตัวเองเมื่อออกนอกบ้าน ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองได้ผ่านเว็บไซต์ Air4Thai.pcd.go.th หรือ ทางแอปพลิเคชัน Air4Thai
ปัจจัยทางด้านอุตุนิยมวิทยา ยังคงส่งผลต่อการระบายของฝุ่นละออง โดยในช่วงที่ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อัตราการระบายอากาศค่อนข้างต่ำ อีกทั้งเกิดสภาพอุณหภูมิผกผันใกล้ผิวพื้น และมีสภาพเพดานการลอยตัวอากาศที่ต่ำมาก เกิดลักษณะคล้ายฝาชีครอบ ส่งผลให้ฝุ่นละอองไม่สามารถระบายออกจากพื้นที่ได้ จึงมีการสะสมและแขวนลอยในชั้นบรรยากาศได้มาก นอกจากนี้ข้อมูลจาก GISTDA พบว่าประเทศไทยยังคงพบจุดความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 พบจุดความร้อนทั้งสิ้น 1,248 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตร
ศกพ. ยังคงขอความร่วมมือประชาชนทุกท่าน งดการเผาในที่โล่งทุกชนิด รวมถึงใช้รถโดยสารสาธารณะ เพื่อลดปริมาณการจราจรบนท้องถนน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย เด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ ขอให้พี่น้องประชาชนดูแลสุขภาพ ลดกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีความจำเป็นควรสวมใส่หน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันตัวเองเมื่อออกนอกบ้าน ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองได้ผ่านเว็บไซต์ Air4Thai.pcd.go.th หรือ ทางแอปพลิเคชัน Air4Thai