เปิดพฤติการณ์ แชร์ลูกโซ่ หลอกลงทุน ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข ยึดทรัพย์ 50 ล้าน

ตำรวจ ปอศ. เปิดปฏิบัติการตัดวงจรแชร์ลูกโซ่ รวบผู้ต้องหา หลอกลงทุน ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K4 พบเงินหมุนเวียนกว่า 400 ล้านบาท
ตำรวจ ปอศ. ตัดวงจรแชร์ลูกโซ่ หลอกลงทุน ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K4 วันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2568) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ทำการตรวจค้น 4 จุด ในพื้นที่เขตคันนายาวและเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร จับกุม 2 ผู้ต้องหา ในฐานความผิด "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน" พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 413 รายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 50 ล้านบาท
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2567 ผู้เสียหาย จำนวน 61 ราย ได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดี 2 บริษัท ซึ่งมี น.ส.เริง (นามสมมติ) และ น.ส.พร (นามสมมติ) เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ มีพฤติกรรมชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุนธุรกิจซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ ในนามซิมการ์ดโทรศัพท์ระบบเติมเงิน ชื่อ "Sim K4" และ ตู้เติมเงิน ชื่อ "ตู้เคธี่ปันสุข"
โดยเสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท จะได้รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายในระยะเวลา 500 วัน คิดเป็นร้อยละ 219 ต่อปี และมีการขยายศูนย์ตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อจัดการอบรมสัมมนาชักชวน ซึ่งหากสมาชิกสามารถแนะนำชักชวนดีลเลอร์หรือสมาชิกใหม่จะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึงร้อยละ 50 ของค่าสมัคร โดยให้สมัครสมาชิกผ่านเว็บไซต์ และมีรูปแบบการโอนเงินลงทุนผ่านระบบคิวอาร์โค้ด
ซึ่งในช่วงแรกผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนจริง ทำให้มีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ต่อมาช่วงเดือนตุลาคม 2567 สมาชิกเริ่มไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน จึงได้พยายามติดตามทวงถาม แต่ผู้ต้องหาได้บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ผู้เสียหายจึงได้รวมตัวกันมาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา มูลค่าความเสียหายเป็นเงินจำนวน 27,557,701 บาท
จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า การลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงเกินกว่าที่สถาบันการเงินตามกฎหมายพึงจะจ่ายได้ อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขนั้น เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจระบบชำระเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาใช้วิธีรับเงินลงทุนและจ่ายผลตอบแทนผ่านระบบเพย์เมนต์เกตเวย์ พบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทผู้ต้องหา กว่า 400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่า น.ส.เริง มีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
กระทั่งต่อมา วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 กก.4 บก.ปอศ. ได้เปิดปฏิบัติการ "ตัดวงจรแชร์ลูกโซ่ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K4" ทำการตรวจค้น จำนวน 4 จุด ในพื้นที่ เขตคันนายาว และเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร พบว่าบริษัทผู้ต้องหามีพนักงานประมาณ 15 คน มีห้องจัดสัมมนาสำหรับชักชวนผู้ลงทุน มีการสต๊อคตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเพื่อใช้ในการจูงใจให้มีการลงทุน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการทดสอบเบื้องต้นพบว่าไม่สามารถใช้งานได้จริงตามที่โฆษณา จึงได้ทำการตรวจยึดพยานเอกสาร ซึ่งใช้เป็นหลักฐานประกอบการสอบสวน และตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆ พร้อมทั้งจับกุมผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข้อมูล/ภาพจาก ตำรวจสอบสวนกลาง