อัปเดต ปราบแก๊งคอลฯจับ 119 คนไทย ในปท.เพื่อนบ้าน เสียหาย 709 ล้าน

อัปเดต ปราบแก๊งคอลฯจับ 119 คนไทย ในปท.เพื่อนบ้าน เสียหาย 709 ล้าน

ตรวจสอบอัปเดต ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับ 119 คนไทย ในประเทศเพื่อนบ้าน เสียหาย 709 ล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจ ตรวจสอบอัปเดต ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับ 119 คนไทย ในประเทศเพื่อนบ้าน เสียหาย 709 ล้านบาท

  • พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร.)
  • นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
  • พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) 
  • พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท.
  • พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท.
  • พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท.
  • พล.ต.ต. ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2
  • พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2
  • พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3.
  • พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว 

แถลงผลปฏิบัติการ กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รับตัวคนไทย 56 คน จากเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา มาดำเนินคดีในไทย พบเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1,154 คดี สร้างความเสียหายให้เพื่อนร่วมชาติแล้วกว่า 709 ล้านบาท ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 เมืองทองธานี วานนี้

จากการกวาดล้างจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของตำรวจกัมพูชา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จับกุมคนไทย 119 คน ส่งตัวกลับไทยมาดำเนินคดีข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ จากเมืองปอยเปต ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทางกัมพูชา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ได้สั่งการให้ตำรวจกัมพูชาจากส่วนกลางเข้ากวาดล้างตรวจค้นพื้นที่ 2 จุด ในเมืองปอยเปต

ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยที่ทำหน้าที่ในการหาคนไทยมาเปิดบัญชีม้าและบัญชีคริปโต และการสแกนหน้าเพื่อหลอกลวงคนไทย

รวมทั้งเป็นที่ตั้งของกลุ่มคนไทยขายชาติหลอกลวงคนไทยด้วยกัน การกวาดล้างดังกล่าวสามารถจับกุมคนไทยได้ทั้งหมด 63 คน แยกเป็นชาย 41 คน หญิง 22 คน

โดยทางตำรวจกัมพูชาได้นำคนไทย 7 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 1 คน ซึ่งคาดว่าเป็นระดับสั่งการไปขยายผลดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้อง และส่งคนไทยจำนวน 56 คน กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

จากการตรวจสอบของทางตำรวจไทย พบว่า

  1. คนไทยทั้งหมด 56 คน
    -เป็นชาย 35 คน
    -หญิง 21 คน
    -เป็นเด็ก อายุ 3 ปี จำนวน 1 คน
    -เด็กอายุ 8 ปี จำนวน 1 คน
  2. มีหมายจับจำนวน 5 คน
  3. เกี่ยวข้องกับ case ID 1,154 คดี
  4. มูลค่าความเสียหาย 709,495,881 บาท
  5. ในการเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อ ไม่พบว่าบุคคลเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์แต่อย่างใด
  6. ผู้ที่ถูกส่งตัวกลับมาเดินทางข้ามช่องธรรมชาติโดยผิดกฎหมาย จำนวน 53 คน
  7. ไม่ได้ เดินทางออกนอกประเทศผ่านช่องตรวจคนเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมายแต่อย่างใด
  8. ทุกคนไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายตามร่างกาย
  9. ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพฤติการณ์ในลักษณะคล้ายกันคือ เริ่มต้นจากการถูกชักชวนผ่านสื่อโซเชียลให้ไปทำงาน
  10. จากนั้นได้ถูกพาไปเปิดบัญชีธนาคารโดยรับค่าจ้างประมาณ 3-5 พันบาทต่อบัญชี
  11. เดินทางข้ามชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติไปฝั่งปอยเปต พักคอยเพื่อรอสแกนหน้าในการโอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

จากการสอบถามหนึ่งในผู้ต้องหาให้การว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวได้มีการรวบรวมม้ารับจ้างเปิดบัญชี โดยจะมีรถมารับถึงที่บ้านไม่เสีย

ค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด แล้วนำพาข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะให้ไปอยู่รวมกันที่ตึกทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ที่เมืองปอยเปต สถานที่ดังกล่าวมีการจัดแบ่งพื้นที่พักอาศัย แยกตามเพศชายและหญิง ภายในบ้านมีการจัดเตรียมฟูกสำหรับการพักอาศัย รวมถึงมีการจัดหาอาหารให้โดยผู้รับจ้างจะต้องเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์และบัญชีทรัพย์สินดิจิทัล เพื่อใช้ในการถ่ายเททรัพย์สินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เมื่อวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568 ศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับทั้งหมดจำนวน 54 คน ตามคำร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในข้อหา

  • ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
  • ร่วมกันเป็นอั้งยี่
  • ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
  • ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน 

โดยขณะนี้ได้ถูกควบคุมตัวตามกระบวนการทางกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทำให้กลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทย ไม่สามารถที่จะใช้ช่องกระบวนการคัดแยกเหยื่อเพื่อกล่าวอ้างว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ เพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีจากการที่ไปร่วมกันหลอกลวงคนไทยได้อีกต่อไป

ขอบคุณทางนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาที่ได้สั่งการให้กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยที่ไปลักลอบตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา และส่งคนไทยเหล่านี้มาดำเนินคดีในประเทศไทย

ทางนายกรัฐมนตรีของไทยได้มีการหารือกันอย่างใกล้ชิดกับทางนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เพื่อกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยลักลอบตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา มาหลอกลวงคนไทยในประเทศไทยให้หมดสิ้นไป

อ้างอิง ตำรวจไซเบอร์