เก้าอี้ "ผบ.ตร." คนที่ 13 จะเป็นใคร เช็กตัวเต็ง ส่องผู้ท้าชิง
บิ๊กตำรวจคนใด จะคว้าเก้าอี้ "ผบ.ตร." คนที่ 13 เช็กตัวเต็ง ส่องผู้ท้าชิง ส่องเส้นทางอำนาจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 13 ที่จะรับไม้ต่อจาก "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. คนปัจจุบัน ส่งสัญญาณชัดเจนว่า “มีแนวทางอยู่แล้ว ไม่หนักใจ เพราะผู้ที่เข้าหลักเกณฑ์เป็นผู้มีความสามารถ แต่จะมีเพียงตำแหน่งเดียว ที่จะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม” โดยจะมีการเสนอรายชื่อภายในเดือนสิงหาคมนี้
เมื่อไล่เรียงตามลำดับอาวุโส ระดับ รอง ผบ.ตร. ที่จะก้าวขึ้นมานั่งเก้าอี้ “ผบ.ตร.” นั้น มีเพียง 3 รายชื่อนี้เท่านั้น
คนแรก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (นรต.38 )
อันดับสอง พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (ไม่ได้จบจาก ร.ร.นายร้อยสามพราน)
และคนสุดท้าย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ (นรต.40) รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ตามการคาดการณ์เสียงเชียร์หลายฝ่าย ตั้งแต่แรก ๆ จนกระทั่งมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายแรงเชียร์ยังไม่ตกเก้าอี้ ผบ.ตร. คนที่ 13 คงไม่พ้นที่จะเป็นของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “รองเด่น” ดูจากผลงานที่ได้ร้บความไว้วางใจ ถูกวางตัวให้รับผิดชอบหน้างานสำคัญ ๆ ทั้งสิ้น
ด้วยความที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้มีผลงานขุดรากถอนโคลน เว็บพนันออนไลน์ เครือข่ายใหญ่ และยังปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ พล.ต.อ.วิสนุ หรือ “รองหิน” นั้น แม้ว่าตามรายชื่อลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจระดับ รองผบ.ตร. เป็นอันดับแรก แต่เขาจะไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก อาจจะเป็นเพราะคุณสมบัติไม่ได้จบจาก ร.ร.นายร้อยสามพราน
ส่วนคนสุดท้าย พล.ต.อ.รอย หรือ "รองรอย" นั้น ว่ากันว่า ในปีนี้ไม่ใช่ปีของเขา เพราะต้องเปิดทางให้กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ และ พล.ต.อ.วิสนุ เป็นคู่แคนดิเดตคนสำคัญ เหตุเพราะทั้งคู่ต่างเกษียณในปี 2566 พร้อมกัน
แต่ถึงแม้ว่า พล.ต.อ.รอย จะเกษียณในปี 2567 แต่ก็ยังไม่เป็นทางสะดวก ทางโล่ง เพราะต้องไปเจอคู่แข่งสำคัญอย่าง พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่ว่ากันว่าปีนี้ได้แรงผลักก้าวข้ามขั้นกระโดดเข้ามาจ่อคิวนั่งเก้าอี้ รอง ผบ.ตร. และทั้งคู่จะกลายเป็นคู่แคนดิเดต ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.ในปี 2567
ไม่เพียงแต่ตำแหน่งเก้าอี้ ผบ.ตร. ที่ลุ้นกันหนัก เก้าอี้ระดับ รองผบ.ตร. ที่ปีนี้ ว่าง 4 ตำแหน่ง ก็ถูกจับตาไม่น้อยว่าใครจะขึ้นนั่งในตำแหน่งนี้ ไล่เรียงลำดับอาวุโสตามที่มีการประกาศก่อนหน้านี้
อันดับ 1 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน นรต. 40 ซึ่งจะเกษียณอายุในปี 2566 แน่ชัดว่าเขาจะคว้าเก้าอี้นี้ไปครอง เพราะถืออาวุโสอันดับ 1 ส่วนอีก 9 รายชื่อที่มีสิทธิลุ้นนั่งเก้าอี้ที่เหลือ
อันดับ 2 พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง นรต.39 เกษียณอายุในปี 2568
อันดับ 3 พล.ต.ท. สราวุฒิ การพานิช นรต. 40 เกษียณอายุในปี 2567 ว่ากันว่า ทั้ง พล.ต.ท.ไกรบุญ และ พล.ต.ท.สราวุฒินั้น ถือว่าได้รับมอบหมายงานสำคัญ เพราะทั้งคู่มีความสัมพันธ์อันดีกับขั้วอำนาจการเมือปัจจุบัน
อันดับ 4 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล บิ๊กโจ๊ก นรต. 47 เส้นทางอายุราชการยาวนานถึง ปี 2574
อันดับ 5 พล.ต.ท. สมพงษ์ ชิงดวง (เกษียณปี 2566)
อันดับ 6 พล.ต.ท. ธนา ชูวงษ์ นรต.42 (เกษียณปี 2569)
อันดับ 7 พล.ต.ท. ประจวบ วงษ์สุข นรต.39(เกษียณปี 2568)
อันดับ 8 พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร นรต.41 (เกษียณปี 2569)
อันดับ 9 พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เกษียณปี 2568)
และอันดับสุดท้าย อันดับ 10 พล.ต.ท. ต่อศักดิ์ สุขวิมล “บิ๊กต่อ” รัฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (เกษียณปี 2567) เมื่อแน่ชัดว่าพล.ต.ท.ชินภัทรได้ขยับขึ้นชั้นค่อนข้างแน่นอน ยังเหลืออีก 3 ที่นั่ งรายชื่อเข้าชิงความเป็นไปได้ถึง 5 รายชื่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ , พล.ต.ท.ประจวบ , พล.ต.ท.ธนา , พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์
จะต้องดูว่า สุดท้ายแรงเบียดใคร จะฝ่าด่านขึ้นมาได้ แต่ที่น่าจับตามองที่สุดคือ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ อาวุโส อันดับ 10 หากฝ่าด่านข้ามชั้นก้าวกระโดดขึ้นมานั่งเก้าอี้ รองผบ.ตร. ในรอบนี้ แน่นอนว่า จะสามารถทะยานขึ้นนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. คนที่ 14 ก่อนที่จะเกษียณอายุในปี 2567
ปีนี้ขับเคี่ยวในทุกตำแหน่ง ไล่ยาวมาจนถึงตำแหน่ง ระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปีนี้เก้าอี้ว่าง 6 ตำแหน่ง อาวุโสในอันดับต้น ๆ ที่จะขยับขึ้นมานั่งเป็นของ พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี นรต. 43 ผู้บัญชาการการศึกษา เสียงเล็ดลอดมาอีกว่า ปีนี้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือคุ้นกันในชื่อ ตร.ไซเบอร์ นรต.41 อาวุโสอันดับสอง ต้องยอมลุกจากเก้าอี้ขยับขึ้น แม้ว่าเจ้าตัวยังไม่อยากขยับ แต่คงเป็นไปได้ยาก
และอีกชื่อที่ไม่พูดถึงไม่ได้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา นรต.50 ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รอบนี้แว่วว่าขยับขึ้นไปนั่ง ผช.ผบ.ตร. และคงไม่พ้นนั่งเก้าอี้สูงสุด ด้วยอายุราชการที่ยาวไกลจนถึงปี 2576 เมื่อปรากฎชื่อ พล.ต.ท.สำราญ เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องมีชื่อของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เข้าชิงด้วย เพราะสองคนนี้ขับเคี่ยวได้นั่งเกี้าอี้สำคัญๆมาโดยตลอด
แต่ด้วยอายุราชการยาวไกลจนถึงปี 2579 ทำให้เจ้าตัวไม่รีบ ยังขอนั่งในเก้าอี้ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เพื่อสานต่องานโครงการสำคัญ ๆ ที่ตัวเองวางได้หลายอย่าง
รออีกอึดใจเดียว น่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ จะปรากฏชัดเจนแล้วว่า ผู้ที่จะนั่งตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” คนที่ 13 คือใคร รวมไปถึงตำแหน่งหลักสำคัญๆ ต้องลุ้นว่า เป็นไปตามที่กองเชียร์ของแต่ละฝ่ายคาดการณ์ไว้ หรือจะกลายเป็นตัวเต็งที่หลุดโผแบบเหนือความคาดหมาย เพราะไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งอะไร เป็นการส่งสัญญาณนัยยะสำคัญทั้งในแง่การเมืองและผู้รักษากฎหมาย