ผกก.เมืองอุดรสั่งสอบตำรวจฉาว ปมรีดส่วยร้านนวดหนองคาย ปัดอ้างไปเที่ยวกับภรรยา

ผกก.เมืองอุดรสั่งสอบตำรวจฉาว ปมรีดส่วยร้านนวดหนองคาย ปัดอ้างไปเที่ยวกับภรรยา

ผกก.เมืองอุดรธานี ยันรู้ตัวตำรวจฉาวแล้ว สั่งสอบด่วน ปมรีดส่วยร้านนวดหนองคาย อ้างนายให้เก็บค่าคุ้มครองเดือนละ 1,000 ทำผู้ประกอบการเดือดร้อน ขณะที่เจ้าตัวอ้างแค่ไปเที่ยวกับภรรยา

จากกรณีมี "ดาบตำรวจ" อ้างเป็นตำรวจส่วนกลาง ไปเก็บส่วยร้านนวดแผนโบราณและสปาในจังหวัดหนองคาย โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถยนต์มา 3 คัน แต่มีผู้ชายสวมเสื้อกั๊กคล้ายตำรวจและผู้หญิงลงมาพูดคุยกับเจ้าของร้าน โดยอ้างว่านายให้เก็บค่าคุ้มครอง ให้ดูแลนาย 4 ร้าน แล้วจะมาเก็บรายเดือนละ 500-1,000 บาท ทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน โดยผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองหนองคาย ระบุว่า ชายที่มาเก็บส่วยเป็นตำรวจ ยศดาบตำรวจ สังกัด สภ.เมืองอุดรธานี ตามที่เสนอไปแล้วนั้น 

 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ว่าเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ความคืบหน้าคดีดังกล่าวทาง พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งอยู่ระหว่างลาพักร้อนเดินทางไปกรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ทราบเรื่องดังกล่าวมา 2 สัปดาห์แล้ว ซึ่งคนในคลิปวีดีโอ คือ เป็นตำรวจยศ นายดาบตำรวจ สังกัด สภ.เมืองอุดรธานี ส่วนผู้หญิงในภาพคือภรรยา ด.ต.

ส่วนบุคคลอื่นไม่ทราบว่าเป็นตำรวจหน่วยใด ซึ่งได้เรียก ด.ต. คนดังกล่าวมาสอบถามและให้เขียนรายงานชี้แจงแล้ว แต่ดาบตำรวจคนดังกล่าวอ้างว่าไปเที่ยวกับภรรยา จึงสั่งให้เขียนรายงานชี้แจงทางวินัยได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หากต้องคดีอาญาก็พร้อมที่จะส่งตัวไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ จ.หนองคาย 

 พ.ต.อ.จามร เปิดเผยต่อว่า ด.ต.ชัยฯได้ ปฏิเสธว่าไม่ได้ไปเก็บส่วยร้านนวดตามที่ถูกกล่าวหา แต่ไปเที่ยวกับภรรยา โดยในทางความผิดอาญา สภ.เมืองหนองคายได้รับเป็นคดีแล้ว จึงต้องรอต้นเรื่องหรือสำนวนคดีจาก สภ.หนองคาย ส่งมาที่ สภ.เมืองอุดรธานี และก็จะได้ส่งตัวปรับทราบข้อกล่าวหา เมื่อต้องโทษคดีอาญา ทางต้นสังกัดต้องดำเนินการทางวินัย 

ผกก.เมืองอุดรสั่งสอบตำรวจฉาว ปมรีดส่วยร้านนวดหนองคาย ปัดอ้างไปเที่ยวกับภรรยา

ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งในภาพวีดีโอวงจรปิดที่เป็นข่าวเห็น ด.ต.และภรรยา นั่งพูดคุยกับเจ้าของร้านอยู่บริเวณหน้าร้านไม่เห็นการรับเงิน แต่ในสำนวนคดีอาจมีหลักฐานมากกว่านี้ จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา แต่ถ้าสืบสวนว่ากระทำผิดจริงก็ต้องถูกดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด