แม่ค้า โอดผักสดขึ้นราคา "พริกขี้หนูสวน" พุ่งแตะ 400 บาทต่อกิโลกรัม
แม่ค้า ชาวบ้าน โอดผักสดขึ้นราคา พริกขี้หนูสวนราคาพุ่งสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ แตะ 400 บาทต่อกิโลกรัม
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสินค้าอุปโภค-บริโภคปรับราคาขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องมาตลอดปี ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกับค่าครองชีพที่สูงแต่รายได้เท่าเดิม
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าในตลาดนัดชุมชนหน้าองค์การบริหารส่วน ต.อุใดเจริญ อ.ควนกาหลง จ.สตูล ที่เป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ศูนย์รวมสินค้าบริโภคในตำบล จากการสอบถามแม่ค้าในตลาดได้ทราบว่า ราคาสินค้าทุกอย่างได้ปรับขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล ผักสดต่างๆ ทำให้แม่ค้าได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเพราะชาวบ้านลดปริมาณการใช้จ่าย โดยจับจ่ายใช้สอยเพียงความจำเป็นเท่านั้น
โดยราคาอาหารทะเลทุกชนิดปรับขึ้นมาอย่างละประมาณ 15-20 บาทต่อกิโลกรัมเช่นเดียวกับผักสดต่างๆ เช่น ผักคะน้าปรับขึ้นจาก 20 เป็น 30 บาทต่อกิโลกรัม มะนาวจาก 20 เป็น 30 บาท กะหล่ำปลีจาก 10 เป็น 40 บาท แต่ที่ต้องตกใจก็คือการปรับราคาขึ้นของพริกขี้หนูสด โดยพริกแดงจินดาปรับขึ้นกิโลละ 40-50 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 150 ปรับขึ้นมาเป็น 180-200 บาท ส่วนพริกขี้หนูสวนปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากเดิมราคาสูงสุดไม่เกิน 280 บาท แต่ตอนนี้ในตลาดสดขายอยู่ที่ราคา 400 บาทต่อกิโลกรัม เรียกว่าปรับขึ้นถึง 100-120 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว
นางสาว สุบรรณ แสงแก้ว แม่ค้าขายผักเล่าว่า ตนเองเป็นแม่ค้าเดินสายขายผักสดในตลาดนัดมากว่า 30 ปีไม่เคยเจอเหตุการณ์ข้าวของขึ้นราคาสูงสุดเหมือนช่วง 2 ปีนี้ การปรับขึ้นของพริกขี้หนูที่ปรับขึ้นมา 100 กว่าบาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาที่ตนเองไม่เคยพบเจอมาก่อน ราคารับจากสวนก็อยู่ที่กิโลกรัมละ 350 แล้ว เมื่อมาขายในตลาด บวกค่าที่และค่าใช้จ่ายต่างๆ แม่ค้าก็ต้องขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 400 บาทถึงจะอยู่ได้ โดยราคาของผักต่างๆ จากเดิมก็จะมีการปรับขึ้นลงเป็นระยะของมันมาตลอดโดยถ้าจะขึ้นมาสูงสุดก็ไม่เกิน 20-30 ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ 2 ปีที่ผ่านมาราคาของสินค้าต่างๆ มีแต่ปรับขึ้นไม่ปรับลง
นางสาวสุบรรณ กล่าวต่อว่า เมื่อราตาสินค้าต่างๆ ปรับราคาขึ้น ทำให้ผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยต้องประหยัด โดยเลือกซื้อเฉพาะที่จำเป็น ช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้สินค้าขายยากมากๆ จากเดิมที่พอขายได้ พอมีรายได้อยู่บ้าง แต่ช่วงนี้รายได้ลดน้อยลงจนแทบจะไม่เหลือเลย แม่ค้าบางคนขาดทุนเป็นหนี้สินจนต้องเลิกขาย เพราะราคาต้นทุนที่สูงเมื่อขายไม่หมดผักเนื้อเปื่อยก็ขาดทุนแล้ว
ส่วนราคาที่ปรับขึ้นสูงเนื่องจากต้นทุนในการเพาะปลูก ราคาปุ๋ยเคมีที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว ค่าน้ำมันและอีกปัจจัยหลายๆ อย่าง
ด้านแม่ค้าเครื่องแกง และร้านขายข้าวแกงก็ได้รับผลกระทบ โดยเครื่องแกงต่างๆต้องค่อยปรับเพิ่มราคาขึ้น โดยปรับขึ้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท แต่หากราคาพริกขี้หนูยังไม่ปรับลดก็คงต้องปรับเพิ่มขึ้นอีก จึงทำให้ต้องขายยากกว่าเดิม
ด้านพ่อค้าแกงถุงก็ได้รับผลกระทบ แต่เนื่องจากปกติที่ผ่านมาก็ขายยากอยู่แล้ว หากปรับขึ้นราคาก็ยิ่งขายยากเข้าไปอีก จึงจำเป็นที่จะต้องอั้นราคาเท่าเดิมไว้ แต่จะปรับเป็นหาผักต่างๆที่เก็บได้จากไร่สวนมาใช้เพื่อลดต้นทุน เช่นนำหยวกกล้วยที่ปลูกไว้ข้างบ้านมาใส่ในแกง
ด้านชาวบ้านก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ทุกวันนี้ค่าครองชีพสูงเนื่องจากราคาสินค้าที่ปรับขึ้นทุกอย่างแต่รายได้กลับลดลงเนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่แล้วประกอบอาชีพกรีดยางพารา ราคายางลดลงต่อเนื่องเหลือแค่กิโลกรัมละ42บาทเศษยางราคาไม่ถึง 20 บาท แต่ราคาพริกขึ้หนูสูงถึง 400 บาท ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากราคาสินค้าต่างๆที่เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ต้านราคาหมูก็เตรียมตัวปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาหมูหน้าฟาร์มปรับเพิ่มขึ้นมาจาก 110 บาท เป็น 116 บาท ทำให้ราคาเนื้อหมูสดอาจจะต้องปรับเพิ่มขึ้นอีก โดยตอนนี้ราคาหน้าเขียงยังขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาทต่อกิโลกัม แต่คาดว่าต้องปรับขึ้นเร็วๆ นี้แน่นอน