"ธัญญ์สมินธิ์" ร้องทุกข์ ยธ. ปมถูกอดีตสามีทำร้าย-ขู่ฆ่า จี้ บช.ภ.1 สางคดี
สาวไฮโซ "ธัญญ์สมินธิ์" หอบหลักฐานร้อง เลขานุการฯรมต.ยุติธรรม ให้ช่วยตามคดีถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกาย ประสาน บช.ภ.1 สั่งเจ้าของคดีเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหา แจ้งข้อหา-เร่งรัดคดี เตือนให้หยุดการกระทำ รวมถึงผู้อื่นที่ไปด้วยอาจเข้าข่ายบุกรุก ส่งเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯวางแผนคุ้มครองพยาน ด้านผู้ถูกกล่าวหาอ้างทำงาน ไม่สะดวกให้ข้อมูล
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วย นางสาวธัญญ์สมินธิ์ มหาโชติเทวากุล อายุ 28 ปี ไฮโซสาว เจ้าของเพจ "Muen montra : คุณเบลล์ญาณบารมี" อดีตภรรยาของลูกชายคนเล็กของดีเจ และนักจัดรายการวิทยุชื่อดัง ในยุค 70 ได้นำหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อช่วยติดตามคดีที่ถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกาย ข่มขู่คุกคาม แต่คดีกลับไม่คืบหน้า
นางสาวธัญญ์สมินธิ์ กล่าวว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน มีลูกด้วยกัน จนเลิกรากันไป ตนถูกทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด ร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกายไม่เคยหายไปจากตัวเลย แผลเก่ายังไม่หาย แผลใหม่ก็มา ทั้งตบตี กระชากหัว แม้ขณะที่ตั้งครรภ์เขาก็ยังลงมือทำร้ายร่างกายเรา
“ส่วนสาเหตุของการทำร้ายไม่รู้จริง ๆ อยู่ๆบางครั้งไม่พอใจอะไรก็ลงมือทำร้ายเรา หรือหงุดหงิดอะไรมาก็มาลงที่เรา ไม่แน่ใจว่ามีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะตอนที่ยังคบกัน เคยเห็นมีผงขาว ๆ ติดอยู่ที่จมูกของอดีตสามี จึงถามจนเจ้าตัวยอมรับว่าเล่นยาจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าคือยาอะไร ชนิดไหน บางที่ก็คุยกับตัวเอง เรียกชื่อตัวเองซ้ำ ๆ ทำร้ายตัวเอง หลังเลิกรากันไป ผู้ก่อเหตุก็ยังติดตามอยู่ทุกช่องทางเท่าที่เขาจะทำได้ ถ้าตามไปเจอที่ไหนก็จะทำร้ายร่างกายต่อหน้าคนอื่น”
เธอบอกอีกว่า ทางครอบครัวผู้ก่อเหตุก็รู้เรื่องมาโดยตลอด แต่ก็ได้แต่ห้ามปราม แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ พอตนจะไปแจ้งความผู้ก่อเหตุก็ไม่กลัว เพราะผู้ก่อเหตุบอกว่าไม่กลัว อยากจะแจ้งความ หรือประจานอะไรก็ไปเลย พร้อมกับพูดว่ารู้จักกับนายตำรวจยศใหญ่หลายคน แถมยังเคยส่งข้อความมาขู่ว่า เดี๋ยวจะเสพยาและไปฆ่ามึงทั้งโครต
“เชื่อว่าเขาทำได้จริง เพราะจากที่ผ่านมาการกระทำของเขามันรุนแรงขึ้นเรื่อย แถมยังมีประวัติการทำร้ายร่างกายด้วย ส่วนตำรวจอยากฝากบอกว่า การที่ไปแจ้งความไปขอความช่วยเหลือ ก็ไปด้วยความบอบช้ำพอแล้ว ยังไม่เจอกับคำว่าเรื่องของผัว-เมียไม่อยากยุ่งและความปลอดภัยของตัวเองอยู่ที่ไหน”
ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต ระบุว่า หลังจากที่ได้ตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ พบว่าพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุถือว่ามีความรุนแรง คุกคามอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นสามีภรรยากัน แต่หากมีการทำร้ายร่างกายกันถือว่าผิดกฏหมาย และทราบว่ามีการเข้าแจ้งความไว้ตั้งแต่ปี 2564 และคดีไม่มีความคืบหน้า เรื่องนี้จึงได้มีการประสานไปที่ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อสอบถามในประเด็นดังกล่าวแล้วจึงทราบว่าในวันนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้สั่งการให้เจ้าของสำนวนคดีในพื้นที่ของ สภ.ปากเกร็ด ดำเนินการเรียกตัว ผู้ถูกกล่าวหามาดำเนินการแจ้งข้อหา และจะประสานไปยังพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดีที่มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้วในอีกหลายพื้นที่เพื่อให้เร่งรัดคดี
“ในส่วนของการคุ้มครองพยานในวันนี้จะส่งให้เจ้าหน้าที่จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักของผู้เสียหายและดำเนินการวางแผนเกี่ยวกับการคุ้มครองพยานเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้เสียหายเอง”
ทั้งนี้ ตนเองยังขอฝากถึงผู้ก่อเหตุว่าขอให้หยุดการกระทำความรุนแรงในลักษณะนี้ รวมถึงขอให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางผู้ก่อเหตุไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อน ให้ช่วยกันตักเตือนเพราะหากยังไม่หยุดการกระทำ กรมราชทัณฑ์ยังคงมีพื้นที่เอาไว้รองรับผู้ที่กระทำความผิดหรือประพฤติตัวแบบนี้อยู่เสมอ และยังรวมถึงว่าหากมีผู้ร่วมเดินทางไปก่อเหตุกับผู้กระทำความผิดก็อาจเข้าข่ายร่วมกันบุกรุกหรือทำร้ายร่างกายผู้อื่นซึ่งจะได้รับโทษเท่ากันกับผู้ก่อเหตุ
“ขณะที่ในส่วนของพี่น้องประชาชนทั่วไป รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐหากพบเห็นเหตุการณ์ที่มีหญิงสาวถูกทำร้ายและผู้ทำร้ายอ้างว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว ขอให้ดำเนินการช่วยเหลือโดยทันที เพราะแม้จะเป็นเรื่องใหม่ครอบครัวแต่หากมีการทำความผิดเกี่ยวกับร่างกายโดยการทำร้ายร่างกายถือว่าผิดกฎหมาย”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามไปที่อดีตสามีผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงโดยเมื่ออดีตสามีผู้ก่อเหตุรับสาย ได้บอกแต่เพียงว่า “ขณะนี้ไม่สะดวก เนื่องจากอยู่ระหว่างการทำงานแล้วจะติดต่อกลับทีมข่าวอีกครั้ง” โดยเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงพบว่าไม่ได้ติดต่อกลับมายังทีมข่าวแต่อย่างใด