บุกจับ "หอม-กระเทียม" ลักลอบนำเข้า มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 65 ตามที่นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบายมุ่งเน้นการป้องกันและปราบปราม การลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร เพื่อปกป้องเกษตรไทยและให้เกิดความเป็นธรรมในทางการค้า จึงได้มอบหมายให้ นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รองอธิบดีกรมศุลกากร และนายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรในพื้นที่ตรวจสอบและเข้มงวดปราบปรามการลักลอบนำเข้าอย่างต่อเนื่อง
 

โดยมีเจ้าหน้าที่ศุลกากร ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ส่วนควบคุมทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ร่วมกับหน่วยสืบสวนปราบปรามประจำพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฝปป.2 สปป.1 จึงได้ทำการสืบสวนติดตามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรประเภทกระเทียม และหอมหัวใหญ่ (หอมแขก) เข้ามาในราชอาณาจักร จึงพบว่าในพื้น ที่ อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม มีการจำหน่ายสินค้าเกษตรประเภทกระเทียม และหอมหัวใหญ่ (หอมแขก) ที่ลักลอบนำเข้าโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรจำนวนมาก ในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการขอหมายค้นจากศาลจังหวัดมหาสารคาม เข้าตรวจค้นร้านค้าและโกดัง ในพื้นที่เป้าหมาย อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม จำนวน 4 แห่ง ผลการตรวจค้นพบกระเทียมและหอมหัวใหญ่(หอมแขก)ลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวนรวม 20,000 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
 

โดยสินค้าเกษตรประเภทหอมหัวใหญ่ (หอมแขก) และกระเทียม ถือเป็นสินค้าควบคุมนำเข้าและการขนย้ายตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โดยการนำเข้าสินค้าดังกล่ามีอากรศุลกากรอยู่ที่ 142% และ 57% ตามลำดับ การจำหน่ายกระเทียมและหอมหัวใหญ่ (หอมแขก) ที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นความผิดตามมาตรา 246 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดของกลางทั้งหมด พร้อมทั้งควบคุมตัวผู้ต้องหา ส่งสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป