อสังหาฯ กับเทรนด์ "Pet Humanization" ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย
"อนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือ พลัสฯ เผยแพร่บทความเรื่อง "อสังหาฯ กับการปรับตัวตามเทรนด์ Pet Humanization ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย" ไว้ดังนี้
ในยุคนี้การเก็บรวบรวม Data และนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อพัฒนาโครงการ อสังหาฯ ให้ตอบโจทย์ตรงความต้องการมากที่สุด ต้องรู้ว่าการมองหาที่อยู่อาศัยมีปัจจัยอะไรที่เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ โดยปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มเป็นโสดมากขึ้น จากข้อมูลพบว่า จำนวนคนโสดในรอบ 5 ปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 44.5% ส่วนวิถีชีวิตของคนเราก็มีการพัฒนาขึ้น ทำให้มีอายุยืนยาวมากขึ้น จากข้อมูลระบุว่า มีคนสูงอายุตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไป คิดเป็น 14.4% ของจำนวนประชากรของประเทศ ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้หันมาเลี้ยงสัตว์กันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสุนัขและแมว
ทุกวันนี้การปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงไม่ใช่เป็นแค่สัตว์เลี้ยงหากแต่เป็น "สมาชิกในครอบครัว" ทำให้เกิดปรากฏการณ์ Pet Humanization และจากข้อมูลความต้องการลูกค้า ทำให้เหล่าผู้พัฒนาโครงการ (Developer) มีการออกแบบโครงการรองรับกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์มากขึ้น เพื่อทำการตลาดให้เข้าถึงและตรงใจกลุ่มลูกค้ามากที่สุด โดยจัดพื้นที่ส่วนกลางให้เหมาะกับสัตว์เป็น Pet-Friendly เพิ่มฟังก์ชันจัดโซนสำหรับ Pet Zone และ Dog Toilet เป็นพื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงมีการเลือกใช้วัสดุที่ทนน้ำและเก็บกลิ่น เพราะอย่างธรรมชาติของสุนัขต้องพาเดินเล่นวันละ 1-2 ครั้ง และต้องมีการขับถ่าย ดังนั้นโซนนี้ต้องออกแบบให้ล้างทำความสะอาดง่าย ไม่ส่งกลิ่นที่จะรบกวนผู้พักอาศัย ซึ่งโครงการที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้นอกจากการออกแบบแล้ว การกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเป็นนโยบายในการอยู่อาศัยรวมกันก็เป็นสิ่งที่จำเป็น
โดยข้อกำหนดส่วนใหญ่จะไม่ให้เลี้ยงพันธุ์ที่มีพฤติกรรมดุร้าย หรือสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์มีพิษ สัตว์ปีก สัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าสงวน และสัตว์อันตรายต่างๆ ทุกชนิด เช่น งู กิ้งก่า อีกัวน่า นก แมลงสายพันธุ์ต่างๆ แต่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์พันธุ์เล็กเท่านั้น เช่น สุนัขพันธุ์ ชิวาวา ปอมเมอเรเนียน หรือเลี้ยงแมว ซึ่งมีการกำหนดขนาดและน้ำหนักเมื่อโตเต็มวัย มีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม มีใบรับรองสัตว์เลี้ยง (Pet Certificate) จากสัตวแพทย์ และจำกัดจำนวนตัวต่อพื้นที่ตารางเมตรของห้องชุด สูงสุดไม่เกินกี่ตัวก็แล้วแต่กำหนดของแต่ละโครงการ
นอกจากนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเมื่อลงทะเบียนเลี้ยงสัตว์ในโครงการ ได้แก่ ค่ามัดจำความเสียหาย ค่าส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยงต่อปีและตลอดระยะเวลาที่เลี้ยงสัตว์ ส่วนเวลาอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการต้องมีสายจูง และผู้ดูแลตลอดเวลา เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหลุดจากการดูแล หรือสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาใช้บริการได้เฉพาะพื้นที่ส่วนกลางที่ได้รับอนุญาตสำหรับ Pet Zone, Dog Toilet และสวนเท่านั้น ส่วนพื้นที่อื่นๆ ที่คนใช้บริการจะไม่ได้รับอนุญาต เช่น ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำ ซาวน่า ห้องสมุด สนามเด็กเล่น รวมไปถึงลิฟต์โดยสารด้วย บางโครงการอนุญาตให้ใช้ลิฟต์ขนของเท่านั้น หรือนำสัตว์เลี้ยงใส่ตะกร้า ขึ้นรถเข็นแทนก็ได้เช่นเดียวกัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องดูแลจัดเก็บอุจจาระและพ่นน้ำทำความสะอาดด้วยทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อสุขอนามัยที่ดีในการอยู่ร่วมกันของคนและสตว์เลี้ยง
"พลัส พร็อพเพอร์ตี้" หรือ พลัสฯ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เรามีการศึกษา Insight ของผู้อยู่อาศัยเช่นเดียวกัน โดยคำนึงถึงสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตและเทรนด์ใหม่ๆ ตามการพัฒนาของผู้พัฒนา อสังหาฯ ต่างๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบการบริหาร งานบริการต่างๆ ที่จะดูแลลูกบ้านได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตรงความต้องการมากที่สุดจากเทรนด์ที่คนนิยมเลี้ยงสัตว์มากขึ้น
พลัสฯ ยังมีการวางมาตรฐานในการดูแลสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ เช่น โครงการ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ที่ทางพลัสฯ ดูแล เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ทางนิติบุคคลจะมีการร่างมาตรฐานที่เหมาะสมกับรูปแบบโครงการ เพื่อผู้อาศัยกับเจ้าของร่วมที่ต้องการเลี้ยง โดยกฎทุกข้อนั้นจะได้รับการพิจารณาตรวจสอบ ผ่านการเห็นชอบ และอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน เริ่มต้นด้วยการลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย กำหนดพื้นที่ส่วนกลางเฉพาะที่ได้รับอนุญาตสำหรับ Pet Zone สัตว์เลี้ยงต้องมีสายจูงตลอดเวลา การใช้ลิฟต์ต้องเป็นตัวที่ถูกกำหนดไว้เฉพาะสัตว์เลี้ยงเท่านั้น รวมถึงการทำความสะอาดมีการจัดตารางแม่บ้านสำหรับทำความสะอาดในโซนสัตว์เลี้ยงเป็นพิเศษ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ พลัสฯ พร้อมให้ความเชื่อมั่นด้านการบริหารจัดการ อสังหาริมทรัพย์ ครบวงจร ด้วยความเชี่ยวชาญที่มากกว่า 25 ปีกับทีมงานคุณภาพมากประสบการณ์ พิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียดของลูกค้า เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัย เติมเต็มความสุขความปลอดภัยในการพักอาศัยแก่ลูกบ้าน โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพมีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล สร้างความเป็นมืออาชีพด้าน Property Management
ปัจจุบัน พลัสฯ ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลโครงการมากกว่า 300 โครงการ ครอบคลุมโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ทั้งโครงการของแสนสิริ และโครงการของผู้พัฒนา อสังหาฯ รายอื่นๆ