4 เทรนด์ สำคัญที่ธุรกิจงานบริการด้านอสังหาฯ ที่ต้องจับตามอง
"พลัส พร็อพเพอร์ตี้" เผย 4 เทรนด์ สำคัญที่ธุรกิจงานบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ต้องจับตามอง เพื่อนำไปใช้ปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการที่ดีขึ้น
ในรอบปี 2565 นี้ เป็นอีกปีที่มีเรื่องราวมากมาย ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น การเกิดสงครามรัสเซีย – ยูเครน การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทั่วโลก รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลที่พัฒนาให้รองรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป แต่ไม่ว่าจะมีสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม บ้านหรือที่อยู่อาศัยก็ยังคงเป็นปัจจัย 4 ที่มีความสำคัญอยู่เสมอ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ก่อให้เกิดปัจจัยใหม่ๆ ที่เป็นจุดเปลี่ยนในการเลือกซื้อบ้านมากขึ้น จากเดิมที่ลูกค้ามีความต้องการมองหาบ้านที่มีทำเลดี ราคาเหมาะสม และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบเท่านั้น แต่ในปี 2566 ที่จะมาถึงโดยภาพรวมคนส่วนใหญ่ก็ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ เพื่อรองรับการอยู่อาศัย ทำงาน และเพิ่มเติมมีความต้องการพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมภายในบ้าน หรือพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับไลฟ์สไตล์มากขึ้น
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ พลัสฯ ผู้นำด้านการให้บริการอสังหาฯ แบบครบวงจร ได้ให้ความสำคัญกับการติดตามเทรนด์ เพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการ โดยมี 4 เรื่อง ที่ให้ความสำคัญ ดังนี้
1. ด้านของความปลอดภัย (Secure Life) เป็นสิ่งที่คนพักอาศัยจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ การนำเทคโนโลยีออโตเมชันเริ่มถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอดส่องดูแลมากขึ้น โดย พลัสฯ มีการนำเสนอ เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ LIV-24 เข้ามาช่วยในการดูแลภายในโครงการ เพื่อยกระดับความปลอดภัย มั่นใจแบบ 24 ชั่วโมง กับระบบ Security Monitoring ที่เป็นการยกเทคโนโลยีสังเกตการณ์ระบบรักษาความปลอดภัยนำมาใช้แบบเข้าถึงทุกจุดอับในโครงการ ส่งสัญญาณเตือนภัยแบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีหยุดพัก เพิ่มความมั่นใจกับการอยู่อาศัยในทุกช่วงเวลา โดยนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ ไม่ว่าจะเป็น CCTV - Video Analytic, Real - Time Guard Tour เป็นระบบที่ช่วยตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในโครงการได้มากขึ้น Digital Fence ป้องกันภัยอันตรายจากการรุกล้ำของบุคคลภายนอกทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นบุคคลภายนอกหรือสัตว์อันตรายต่างๆ ผ่านระบบการรับสัญญาณแจ้งเตือนการบุกรุกที่ถูกติดตั้งรอบโครงการ
2. มีการนำเทคโนโลยี SMART Living ใหม่ๆ เข้ามาใช้ ในเรื่องการบริหารจัดการโครงการที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงานต่างๆ โดยการนำระบบ IoT มาใส่ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับต่างๆ เข้าไปมีการบันทึกและตรวจสอบ เช่น ระบบ Visitor Management จะทำการคัดกรองบุคคล เข้า - ออก ระบบพลังงานต่างๆ ภายในพื้นที่ส่วนกลาง ระบบตรวจสอบอุณหภูมิภายในอาคาร บางโครงการมีการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ให้บ้าน เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าไฟได้สูงสุดถึง 60% ทาง พลัสฯ มีการพัฒนา AIoT Platform โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับระบบปรับอากาศเข้ามาใช้ในอาคารสำนักงาน ช่วยป้องกันการสูญเสียพลังงานในอาคาร สามารถลดค่าใช้จ่ายในอาคารสูงถึง 30% ซึ่งมีผู้ประกอบการที่พัฒนา อสังหาฯ หลายๆ โครงการ เริ่มใส่ฟังก์ชันเหล่านี้เข้าไปในโครงการที่อยู่อาศัยและสำนักงานแล้ว ในฐานะผู้ดูแลก็จะมีการศึกษาข้อมูลของระบบต่างๆ เพื่อให้การดูแลและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
3. สร้างประสบการณ์ที่ดีในการอยู่อาศัยให้กับลูกค้า (Customer Experience) พลัสฯ เข้าใจถึงแนวคิดโครงการไลฟ์สไตล์ พฤติกรรม และความต้องการของผู้พักอาศัยที่มีความแตกต่างกัน จึงสามารถออกแบบบริการพิเศษ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดี เติมเต็มความสุขในการพักอาศัย ตัวอย่างบริการเฉพาะ อย่างกลุ่มลูกค้าลักชัวรีที่มีความต้องการพิเศษ มีบริการจากบัตเลอร์ที่มีความชำนาญการเฉพาะด้านต่างๆ เป็นต้น
4. Sustainable living หรือชีวิตที่ยั่งยืน เป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่คนทั่วโลกให้ความสำคัญ ผู้บริโภคจะใส่ใจตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มอบความยั่งยืน มุ่งประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผู้พัฒนาการโครงการอสังหาฯ จึงเริ่มมีการติดตั้ง Solar Roof และ EV Charger รวมถึงมีการติดตั้งระบบสูบน้ำและบำบัดน้ำเสียด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Water Treatment Pump) ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ โดยพลัสฯ จัดให้มีการอบรมความรู้ใหม่ๆ ที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้าในเรื่องของสิ่งแวดล้อม มีการจัดตั้งโครงการคัดแยกขยะ ดูแลระบบในการหมุนเวียนน้ำ รวมไปถึงการดูแลอุปกรณ์เครื่องจักรให้สามารถทำงานได้ตามปกติและมีอายุการใช้งานตามระยะเวลาที่กำหนด คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ประหยัดทรัพยากร พลังงาน และความปลอดภัยต่อผู้พักอาศัยเป็นสำคัญ
พลัสฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนา รักษามาตรฐาน และยกระดับการบริการของเราให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ให้สอดรับกับทุกความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ด้วยความชำนาญการครอบคลุมเป็นเลิศในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ให้คำปรึกษาการบริหารจัดการโครงการ ดูแลระบบวิศวกรรมอาคาร บริหารด้านความปลอดภัย ทรัพย์สินและการเงิน รวมไปถึงการออกแบบและส่งมอบบริการตามความต้องการของลูกค้า ด้วยประสบการณ์ในการ บริหารโครงการที่พักอาศัย บริหารอาคารเพื่อการพาณิชย์ สำนักงานขนาดใหญ่ทั้งในกลุ่มธุรกิจธนาคาร การลงทุน ธุรกิจโรงพยาบาล สถานศึกษา คอมมูนิตี้มอลล์ มากกว่า 300 โครงการ โดยคิดเป็นพื้นที่กว่า 17 ล้านตารางเมตร ยืนยันถึงความสำเร็จในการบริหารโครงการอย่างมืออาชีพ และในปี 2565 ยังคงเดินหน้ารับธุรกิจบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัย ครอบคลุมโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และอาคารเพื่อการพาณิชย์ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามบริการได้ทาง โทร. 02-688-7555 และทางเว็บไซต์ plus.co.th