เจเนอเรชั่น 3 “พิธาน พาณิชย์” ต่อยอดธุรกิจรังนกพร้อมดื่มสู่สกินแคร์ เจาะตลาดคนรุ่นใหม่
เจเนอเรชั่น 3 “พิธาน พาณิชย์” ต่อยอดธุรกิจรังนกพร้อมดื่มสู่สกินแคร์ เจาะตลาดคนรุ่นใหม่
หลังแบรนด์รังนกพร้อมดื่ม “พรีมาเนสท์” ปั้นรังนกลงตลาดพรีเมี่ยม เจ้าตลาดแบรนด์ยักษ์ใหญ่ยาวนานกว่า 8-9 ปี
นางอนิตา มาเรีย จันทรัศมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท พิธาน ไลฟ์ จำกัด ทายาทรุ่นที่ 3 ได้ต่อยอด ธุรกิจรังนก ของครอบครัว ปั้นแบรนด์ สกินแคร์ เจาะเซ็กเมนท์ วัยเริ่มทำงาน ยอมรับสนามแข่งดุเดือดเข้าง่ายล้มง่าย ทุ่ม 150 ล้านบาท รุกตลาดออนไลน์ ออฟไลน์ ตั้งเป้าเป็นแบรนด์เบอร์1 ในสกินแคร์จากรังนก ชิงเค้กครีมระดับแมส 3-5 หมื่นล้าน เพิ่มครีมพรีเมี่ยม แบรนด์ พรีมาเนสท์ โกย700 ล้านบาทภายใน 5 ปี
“เราเติบโตมากับธุรกิจส่งรังนก จนกระทั่งพัฒนาสู่รังนกพร้อมดื่มเกรด พรีเมี่ยม ที่จับตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง มีความชื่นชอบและนิยมรังนก เพราะเข้าถึงสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เคยจุดจำหน่ายหน้าร้าน 3 สาขา คือ ที่เซ็นทรัล ชิดลม, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่, และเชียงใหม่ แต่ต้องปิดตัวลงในช่วงโควิด-19 ทว่า แม้จะผ่านพ้นวิกฤติตลาดนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา แต่ตลาดรังนกพรีเมี่ยมยังไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ เพราะเจอโจทย์หิน มีเจ้าตลาดประจำแข็งแกร่ง เป็นแบรนด์ครองตลาดมายาวนาน จนเบียดตลาดได้ยาก โดยเฉพาะการแข่งขันต้นทุนที่สูงไม่สามารถแข่งขันราคาระดับแมสได้ ที่สำคัญ ตลาดคนดื่มรังนก มีเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัย ที่คนดื่มไม่ได้ซื้อดื่มเอง แต่มักจะมีลูกหลานซื้อเป็นของขวัญ ตลาดจึงหดตัวไปเรื่อยๆ ทุกปี ไปพร้อมกันกับอายุขัยของผู้สูงวัย”
“พิธาน พาณิชย์” ธุรกิจดังเดิมของตระกูล ที่ตั้งอยู่ภาคใต้ มีตั้งแต่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้า รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ จึงพลิกจุดแข็ง กลุ่มธุรกิจส่งวัตถุดิบรังนกมายาวนานกว่า 3 รุ่น นำรังนกแตกไลน์ธุรกิจสู่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin Care) ทำจากรังนก ภายใต้แบรนด์ “เนสท์มี (Nest Me)” เป็นคนไทยเจ้าแรกที่ทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากรังนก และทำตลาดในเมืองไทย เจาะเซกเมนท์(Segment) คนรุ่นใหม่ วัยเริ่มต้นทำงานอายุระหว่าง 25-35 ปี จับตลาดแมสของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อยู่ที่ราคา300-500 บาท ซึ่งมีสัดส่วนถึง 50 % หรือไม่ต่ำกว่า 5หมื่นล้านบาท จากตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามทั้งหมด 1แสนล้านบาท (ทั้งบำรุงผิว และเครื่องสำอาง)
“เราศึกษาตลาดรังนกมายาวนาน และเติบโตมากับรังนก จนรู้ถึงสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และต่อผิว และรังนกของไทยมีคุณภาพราคาสูงถึง 2 แสนบาทต่อ ก.ก. มีผลิตเฉพาะใน 3ประเทศ คือ ไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย จึงนำรังนกไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เพราะตลาดเครื่องดื่ม มีผู้เล่นแบรนด์เจ้าประจำ และกลุ่มที่ดื่มรังนกส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงวัย ที่ลูกหลานมักจะซื้อฝากเป็นของขวัญ เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มคนเหล่านี้จะเริ่มหายไปจากตลาด แต่ตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ตลาดเติบโตทุกปี แม้จะมีการแข่งขันสูง ผู้เล่นหน้าใหม่ เข้ามาและออกไปมีแบรนด์เกิดใหม่ตลอดเวลา แต่ก็มีแบรนด์หายไปจากตลาดมากเช่นกัน แต่หากสินค้านั้นมีคุณภาพ เชื่อว่าจะอยู่คู่ตลาดไปยาวนานชิงเค้กมูลค่า 5หมื่นล้านบาท”
เจ้าของแบรนด์ เนสท์มี ผู้ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมรังนกมายาวนาน และเคยทำแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว จากรังนกในระดับพรีเมี่ยมมาแล้ว ชื่อว่า “พรีม่าเพียว” ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา จึงเข้าใจความต้องการของตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และช่องทางการในทำแบรนด์ แบรนด์น้องใหม่ “เนสท์มี” ที่ส่งมาสู้ศึก จับกลุ่มตลาดแมส เริ่มต้นเปิดตลาด ตั้งแต่ปลายปี 2565 ใช้ช่องทางการกระจายสินค้า ออฟไลน์ ร้านขายสินค้าผลิตภัณฑ์เสริมความงาม(Beauty Store) ประกอบด้วย วัตสัน, อีฟแอนด์บอย เป็นจุดเริ่มต้นทำให้คนยอมรับในแบรนด์ และเป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคได้รวดเร็ว ตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขาย 100 ล้านบาทในปี 2566 โดยมีแผนระยะยาวคาดว่าจะมีรายได้เติบโตถึง 700 ล้านบาท ภายใน 5 ปี โดยมีผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าพรีเมี่ยมเพิ่มเข้ามาในตลาด ภายใต้ แบรนด์ พรีมาเนสท์ เข้าไปชิงเค้กกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเกรดพรีเมี่ยม
“ยอมรับว่าตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีความท้าทาย มีทั้งคนเข้ามาง่ายและออกไปง่าย แต่เราตั้งใจที่จะทำการตลาดและทำแบรนด์อย่างจริงจัง เราวางแผนการตลาดที่ชัดเจนในระยะยาว 3-5 ปี โดยในปีแรกใช้งบการตลาดในการสร้างการรับรู้ถึง 150 ล้านบาท ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เริ่มทำให้คนรู้จักต้องใช้คู่จิ้น 2 นักแสดงสุดฮอตจากบรรยากาศรัก เดอะซีรีส์ Love in The Air “โนอึล ณัฐรัชต์ ตังวาย” และ “บอส ชัยกมล เสริมส่งวิทยะ” เป็นตัวแทนในการสื่อสาร แบรนด์ไปยังคนรุ่นใหม่ พร้อมกับร่วมกิจกรรมงานเปิดตัว ในวันเปิดตัว เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในโลกโซเชียล ทำให้มียการติดเทรนด์ ทวิตเตอร์ใน 5 อันดับแรก เป็นกลยุทธ์ทำให้กลุ่มคนที่รักและหลงใหลศิลปิน ช่วยเป็นตัวแทนในการสร้างการรับรู้ แต่ในระยะยาว ยังมุ่งเน้นที่คุณภาพสินค้า และราคาที่เข้าถึงได้ ”
แผนกลยุทธ์ขั้นต่อไป มุ่งเน้นการสร้างกระแสในออนไลน์ โดยการพัฒนาตัวแทนจำหน่าย และยังต้องใช้กลุ่มอินฟูเอนเซอร์ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม คนในยุคนี้มักเชื่อและยอมรับ เปิดใจทดลองสินค้าตามกลุ่มคนเหล่านี้ จึงต้องพัฒนาตัวแทนจำหน่ายบนโลกออนไลน์ ควบคู่กับออฟไลน์
กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ต่อไปจะนำผลิตภัณฑ์รังนก ต่อยอดเป็นอาหารเสริมที่ปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สะดวกง่ายในการพร้อมรับประทาน สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ในระยะต่อไปเตรียมขยายแบรนด์ไปต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้ว ในฮ่องกง จีน เวียดนาม และฟิลิปปินส์ รวมถึงมองทางเลือกในกลุ่มตลาดอาเซียนอื่นๆ เพราะกลุ่มที่นิยมดื่มรังนกอยู่แล้ว