เปิดตัวแคมเปญ 'สงสัยไว้ก่อน' รู้ทันภัยการล่วงละเมิดทางเพศผ่านออนไลน์
ยูนิเซฟ จับมือ พม. และเครือข่ายเสริมสร้างอินเทอร์เน็ตปลอดภัย ปล่อยแคมเปญใหม่ มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนตระหนักถึงภัยจากการล่วงละเมิดทางเพศออนไลน์
7 พฤศจิกายน 2566 องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. และ เครือข่ายเสริมสร้างอินเทอร์เน็ตปลอดภัย ประเทศไทย เปิดตัว แคมเปญรณรงค์ สงสัยไว้ก่อน เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรู้จัก "คิดทบทวนให้ถี่ถ้วน" ก่อนจะโพสภาพ วิดีโอ หรือข้อมูลส่วนตัวบนพื้นที่ออนไลน์ โดยแคมเปญนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากการล่วงละเมิดและแสวงประโยชน์ทางเพศบนออนไลน์ หลังจากที่รายงานการศึกษาล่าสุดชี้ให้เห็นว่าเด็กในประเทศไทยจำนวนมากกำลังตกเป็นผู้เสียหายจากการล่วงละเมิดและการแสวงประโยชน์ทางเพศทางออนไลน์
จากรายงานหยุดยั้งอันตรายในประเทศไทย ซึ่งจัดทำโดยยูนิเซฟ ร่วมกับเอ็คแพท และอินเตอร์โพล พบว่าในปี 2564 มีเด็กไทยอายุ 12-17 ปี กว่า 400,000 คน หรือเกือบ 1 ใน 10 คน เคยตกเป็นผู้เสียหายจากการล่วงละเมิดและแสวงประโยชน์ทางเพศผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นผ่านทางโซเชียลมีเดียต่างๆ และรูปแบบการล่วงละเมิดที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ คือการที่ภาพหรือคลิปวิดีโอที่มีเนื้อหาทางเพศของเด็กถูกนำไปเผยแพร่ส่งต่อโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม และมีการแบล็กเมล หรือข่มขู่ให้เด็กมีสัมพันธ์ทางเพศ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า แคมเปญนี้สะท้อนความจำเป็นที่ทุกคนต้องร่วมกันแก้ปัญหาการขู่กรรโชกทางเพศเด็กทางออนไลน์ ซึ่งทุกคนมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองเด็กบนโลกออนไลน์และทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน กระทรวง พม. มุ่งส่งเสริมพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยแก่เด็กและเยาวชน ขณะเดียวกันมีการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการให้บริการด้านการคุ้มครองเด็ก รวมถึงการตอบสนองต่อรายงานการล่วงละเมิดและละเลยเด็ก เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อมีเหตุจำเป็นเกิดขึ้น เด็กและเยาวชนจะสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพได้อย่างทันท่วงที
แคมเปญ สงสัยไว้ก่อน เปิดตัวด้วยคลิปวิดีโอความยาว 1 นาที ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้มิตรภาพใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์จะน่าตื่นเต้น แต่ก็อาจมาพร้อมความเสี่ยงและอันตรายได้เช่นกัน
"อาชญากรรมแบบต่างๆ ที่เรายกมาพูดถึงในแคมเปญนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวันในประเทศไทย ทั้งกับเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย แต่ปัญหานี้มักไม่ถูกรายงาน เนื่องจากเด็กๆ มักกลัวเกินกว่าที่จะเล่าปัญหานี้ให้ใครฟัง"
นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการ องค์การยูนิเซฟประเทศไทย กล่าว ทุกคนต้องทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากประสบการณ์เลวร้ายนี้ หน่วยงานทุกภาคส่วน ตั้งแต่หน่วยงานด้านการคุ้มครองเด็ก ตลอดจนฝ่ายบังคับใช้กฎหมายและบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นได้จากการเสริมสร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มเด็กและผู้ปกครอง ให้พวกเขามีความเข้าใจถึงความเสี่ยงและมีความระแวดระวังในการส่งต่อข้อมูลหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นบนออนไลน์ รวมถึงมีทักษะในการหลบเลี่ยงหรือตอบสนองเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงหรือตกเป็นเหยื่อของภัยออนไลน์ต่างๆ ด้วย
นอกจากคลิปวิดีโอเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้เรื่องภัยออนไลน์แล้ว แคมเปญนี้ยังให้ความรู้และเคล็ดลับต่างๆ แก่เด็กและผู้ปกครอง เพื่อที่จะสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย แคมเปญนี้ยังส่งเสริมให้เกิดการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาภัยออนไลน์ และสนับสนุนให้เด็กๆ ขอความช่วยเหลือเมื่อพวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยงหรือเป็นผู้เสียหายจากการล่วงละเมิดทางเพศและแสวงประโยชน์ทางเพศทางออนไลน์
รายงานหยุดยั้งอันตรายในประเทศไทย พบว่า เด็กที่เป็นผู้เสียหายเหตุการล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์จำนวนมากไม่ทราบว่าจะต้องแจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือได้ที่ไหน โดยมีเด็กผู้ประสบเหตุเพียง 1 ใน 3 คนเท่านั้นที่ไปแจ้งตำรวจ เด็กหลายคนโทษตัวเองและคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของตัวเอง รายงานฉบับนี้ยังพบอีกว่าในหลายกรณี ผู้ก่อเหตุมักเป็นคนที่เด็กรู้จักอยู่แล้ว
รศ.จุมพล รอดคำดี ประธานเครือข่ายเสริมสร้างอินเทอร์เน็ตปลอดภัย กล่าวว่า หากส่งเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล และทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ให้แก่เด็กและเยาวชน พวกเขาก็จะสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และเข้าใจถึงผลกระทบจากพฤติกรรมออนไลน์ของพวกเขาได้ เครือข่ายฯ หวังว่าแคมเปญนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันเชิงนโยบายให้มีการออกกฎหมายที่เข้มแข็งขึ้น เพื่อรับมือปัญหาภัยออนไลน์ที่กำลังขยายวงกว้างขึ้นอีกด้วย
นางนวลพรรณ ล่ำซำ หรือ มาดามแป้ง ทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้แสดงการสนับสนุนแคมเปญนี้อย่างเต็มที่ และเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ร่วมมือกันเพื่อคุ้มครองเด็กบนโลกออนไลน์
"ภัยออนไลน์สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกคน ทุกที่ และทุกเวลา เราต้องคิดไว้เสมอว่าเด็กๆ กำลังเผชิญหน้ากับอาชญากรมืออาชีพ ซึ่งมีประสบการณ์สูงในการล่อลวงเด็ก ดังนั้นจึงต้องพัฒนาทักษะและความรู้ของทุกฝ่าย รวมทั้งตัวเด็กเอง เพื่อคุ้มครองพวกเขาจากภัยต่างๆ บนโลกออนไลน์ นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจัง และยกให้ประเด็นการคุ้มครองเด็กเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนของทุกคน"
ไทยได้มีการจัดตั้งเครือข่ายเสริมสร้างอินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา โดยเป็นโครงสร้างความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและรับมือกับความเสี่ยงและภัยออนไลน์ต่างๆ เครือข่ายฯ นี้ นำโดย กระทรวง พม. มีสมาชิกจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ หน่วยงานภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ตัวแทนเด็ก เยาวชน องค์การระหว่างประเทศ รวมถึง ยูนิเซฟ นอกจากนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัย รัฐบาลไทยยังได้กำหนดให้วันอังคารที่สองของเดือนกุมภาพันธ์เป็นวันอินเทอร์เน็ตปลอดภัย ซึ่งตรงกับวันอินเทอร์เน็ตปลอดภัยสากล
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญได้ ที่นี่ และรับชมวิดีโอได้ คลิก