REDPAPER ชี้อนาคตธุรกิจโรงงาน - คลังสินค้าโตสดใส รับแรงหนุนจาก New S-Curve
REDPAPER ชี้อนาคตธุรกิจโรงงาน - คลังสินค้าโตสดใส รับแรงหนุนจาก New S-Curve พร้อมเผยเทรนด์การให้บริการอสังหาฯ ล่าสุด "Built-to-Function" ชูจุดเด่นด้วยมาตรฐานและฟังก์ชันเฉพาะทางที่พร้อมเข้าใช้งานได้ทันที
23 พฤษภาคม 67 REDPAPER รายงานข้อมูลและเทรนด์ด้านอสังหาริมทรัพย์ สนับสนุนโดย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ JLL Thailand มองทิศทาง อสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรมเติบโตสดใส ได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก และนโยบาย China Plus One พร้อมแรงหนุนการเติบโตอย่างโดดเด่นของอุตสาหกรรม New S-Curve ดันดีมานด์โรงงานและคลังสินค้าขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมเผยโซลูชันใหม่สำหรับอาคารอุตสาหกรรมล่าสุดของไทย "Built-to-Function" ตอบโจทย์ดีมานด์ของผู้เช่าที่มีความต้องการเฉพาะทางและเข้าใช้งานได้รวดเร็ว
จากรายงาน REDPAPER เรื่องเจาะลึกอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมแห่งอนาคตของประเทศไทย ระบุว่า อสังหาริมทรัพย์ เพื่ออุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง หลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดใน 2-3 ปีที่ผ่านมาด้วยแรงผลักดันของ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่ขยายตัวอย่างมาก โดยปัจจัยทางเศรษฐกิจ ความตึงเครียดของภูมิรัฐศาสตร์โลก ประกอบกับนโยบายกระจายฐานลงทุนนอกประเทศจีนของบริษัทต่างชาติ รวมถึงความพร้อมของประเทศไทยทั้งนโยบายส่งเสริมการลงทุน ทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐาน และแรงงานมีฝีมือ ทำให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่รัฐบาลมุ่งยกระดับขีดความสามารถให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตนับเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญของไทย สะท้อนจากสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของ GDP โดยปัจจุบันภายใต้ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือ New S-Curve ทำให้ทั้งอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics and Electrical Appliances: E&E) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลิตและเชื่อมโยงกับหลายภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า โรบอติกส์ โครงข่ายการสื่อสาร ฯลฯ เป็นที่น่าจับตามอง โดยใน พ.ศ. 2566 อุตสาหกรรมการผลิต รถ EV เติบโต 380% และอุตสาหกรรม E&E เติบโต 256% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงการลงทุนที่ขยายตัวเป็นอย่างมาก
การเติบโตของอุตสาหกรรมข้างต้นส่งผลให้ดีมานด์พื้นที่เช่าโรงงาน - คลังสินค้าเพิ่มขึ้น และมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแข่งขันในตลาด โดยระหว่างพ.ศ.2561 - พ.ศ.2566 มีซัพพลายใหม่ของอาคารโรงงานให้เช่า 25,000 ตร.ม.ต่อปี และอาคารคลังสินค้าให้เช่า 282,000 ตร.ม.ต่อปี ด้วยดีมานด์ที่หลากหลายของตลาด ประกอบกับผู้ให้บริการรายหลักมีความสามารถในการพัฒนาโรงงาน - คลังสินค้าคุณภาพสูง ทำให้เกิดนวัตกรรมการพัฒนาอาคารอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานระหว่างแบบมาตรฐานพร้อมใช้ (Ready-Built) และแบบสร้างความต้องการ (Built-to-Suit) ภายใต้ชื่อเรียก "แบบสร้างตามฟังก์ชันพร้อมใช้ (Built-to-Function)" ซึ่งจะตอบโจทย์นักลงทุนด้วยการส่งมอบอาคารพร้อมใช้งานที่เสริมฟีเจอร์ใช้งานเฉพาะทางในอาคารแบบมาตรฐาน เหมาะสำหรับลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) ที่เชี่ยวชาญสินค้า/บริการเฉพาะทาง และลูกค้าองค์กรทั่วไปที่ต้องการใช้อาคารเฉพาะทางพร้อมใช้
นอกจากนี้อาคารอุตสาหกรรมแบบ Built-to-Function ยังช่วยผู้ให้บริการลดความเสี่ยงของอัตราพื้นที่ว่างจากอาคารที่สร้างจากการคาดการณ์ดีมานด์ตามปกติ ช่วยเสริมความได้เปรียบให้กับผู้พัฒนาอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาอาคารแบบ Ready-Built และ Built-to-Suit อยู่แล้ว ด้วยการเติมเต็มช่องว่างทางการตลาดผ่านการต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่
ด้านเทรนด์สำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาอาคารเพื่ออุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมาคือ ความสนใจของกลุ่มนักลงทุนระดับสากลในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG โดยจะมองหาผู้พัฒนาและผู้ให้บริการที่สามารถส่งมอบอาคารคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานด้านความยั่งยืน โดยมาตรฐานอาคารเขียวระดับสากลอย่าง LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ
REDPAPER ยังพบว่า ด้วยความพร้อมที่ครบครันในด้านต่าง ๆ ของประเทศไทย รวมถึงการขยายตัวด้านการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับการมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศ ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความพร้อมต่อการเติบโตของประเทศไทยในการเป็นฐานที่ตั้งการผลิตและกระจายสินค้าที่สำคัญ
อ่านรายงานฉบับสมบูรณ์ คลิกที่นี่