เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จับมือ TOA มุ่งใช้นวัตกรรมสีรักษ์โลก
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จับมือ TOA เดินหน้าพิชิต Net Zero มุ่งใช้นวัตกรรมสีรักษ์โลก ลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) ยกระดับที่อยู่อาศัย เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
นายภวรัญชน์ อุดมศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจผู้บริโภคในงานวิจัยปี 2023 sustainable lifestyles ของ TERRA Consulting พบว่า ผู้บริโภคมีความต้องการบ้านและที่อยู่อาศัยที่ตอบรับกับวิถีชีวิตที่ยั่งยืนและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่งผลให้ทุกธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์ให้ทันกับเทรนด์รักษ์โลก ซึ่งสอดรับกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ที่ยึดหลัก ESG เป็นสำคัญ โดยเฉพาะในมิติด้านสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งเป้าหมายสู่ Net Zero เพื่อที่จะเป็นองค์กรที่ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2050 ผ่านการรับรองการคำนวณและตั้งเป้าหมายในระยะสั้นจากหน่วยงานระดับโลกอย่าง SBTi (Science Based Targets initiative) มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบการก่อสร้างไปจนถึงการบริหารจัดการโครงการที่อยู่อาศัย
ปัจจุบัน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย มุ่งมั่นในการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Rooftop) ในโครงการที่อยู่อาศัย การผลักดันการ ลดก๊าซเรือนกระจก ในวัสดุก่อสร้าง โดยเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้นวัตกรรมสีรักษ์โลกจาก TOA ที่ได้รับรองฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือฉลากลดโลกร้อน (Carbon Footprint Reduction label : CFR) การันตีว่าสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด และตอบรับด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์สีเขียว TOA GREEN CERTIFIED อย่างนวัตกรรมสี TOA Expert Series นวัตกรรมสี TOA Organic Care และนวัตกรรมสี TOA AQUA SHIELD รวมทั้งหลังคาคอนกรีต อิฐมวลเบา คอนกรีต เป็นต้น การออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคลดการใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องปรับอากาศได้ในระยะยาว ทั้งวัสดุหลังคาและผนัง โดยการเลือกใช้วัสดุที่นำความร้อนต่ำ ต้านทานความร้อนสูง และการใช้สีทาภายนอกที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงอาทิตย์และคายความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม อย่างสี SuperShield ตามมาตรฐานการสร้างบ้านประหยัดพลังงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต EGAT Home Energy Saving Design และ LEED Residential for Single Family and Multifamily resources และการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานก่อสร้าง ดูแลสวัสดิภาพและสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงาน โดยร่วมมือกับมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาบ้านเด็ก (BSI)
"เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ยังมีแนวทางในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน อาทิ การออกแบบ Universal design มีกิจกรรมเพื่อสุขภาพและกายภาพบำบัดบริการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพ บ้านประหยัดพลังงาน Solar Cell EV Charger ระบบกรองอากาศ PM 2.5 และป้องกันไวรัส นวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย เช่น Smart Home การเตรียมระบบการคัดแยกขยะอย่างแท้จริงเพื่อลดขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม การก่อสร้างที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอน"
นายภวรัญชน์ กล่าวต่อไปว่า เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญมากในเรื่องของการจัดการก๊าซเรือนกระจก จึงได้ทำการคำนวณการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product: CFP) ในปีฐาน 2564 เป็นต้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการที่เลือกใช้นวัตกรรมสีรักษ์โลกจาก TOA ที่ผ่านการรับรองด้วยฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (CFR) ในโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ในปี 2567 (1 มกราคม - 30 กันยายน 2567) พบว่า สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 1,854.7 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) เทียบเท่าการปลูกต้นสัก 107,831.7 ต้น และยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA กล่าวว่า TOA ตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยบริษัทฯ ได้บูรณาการให้ทุกภาคส่วนขององค์กรตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนถึงปลายน้ำตามแนวทางการดำเนินงาน 7 กลยุทธ์หลัก หรือ 7-GREEN ภายใต้นโยบาย TOA GREEN MISSION หรือพันธกิจพิชิต Net Zero ผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นดังกล่าว จึงทำให้ล่าสุด TOA เป็นบริษัทผู้ผลิตสีรายแรกที่ผ่านการรับรองการดำเนินงานด้านการตรวจวัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และด้านการลดก๊าซเรือนกระจกอยู่ในระดับทอง ส่งผลให้บริษัทฯ เป็น 1 ใน 23 องค์กรที่ผ่านการรับรองให้เป็นสมาชิกประเภทองค์กร CALO ระดับยอดเยี่ยม ประจำปี 2567 จากคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO
ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา TOA ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนานวัตกรรมสินค้า ปรับตัวให้ก้าวทันทั้งเทคโนโลยีการก่อสร้างและความต้องการของลูกค้า ควบคู่กับการทำธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพื่อมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกของเราดียิ่งขึ้น จึงได้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์สีเขียว TOA GREEN CERTIFIED สะท้อนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัยต่อสุขภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ สุดยอดนวัตกรรมสีรักษ์โลกอย่าง "TOA Organic Care" สีทาภายในที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี Bio-Based ใช้วัตถุดิบหลักจากพืช รายแรกและรายเดียวในไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก USDA สหรัฐอเมริกา จึงทำให้กลิ่นอ่อน สารระเหย VOCs 0% และปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกับเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีปัญหาโรคภูมิแพ้และหอบหืด และ "TOA AQUA SHIELD" สีเคลือบทับหน้ารวมรองพื้น สูตรน้ำกลิ่นอ่อน ปลอดภัยกว่าสีน้ำมันทั่วไปถึง 9 เท่า ทาได้หลากหลายพื้นผิวไม่ว่าจะเป็น เหล็กดำ เหล็กกัลวาไนซ์ โลหะผิวมันวาว ไม้จริง ไม้เทียม คอนกรีต PVC UPVC กระจก หรือผนังกระเบื้อง ช่วยลดขั้นตอนการทา ไม่ต้องทารองพื้น ไม่ต้องผสมทินเนอร์ จึงช่วยประหยัดการใช้น้ำมากยิ่งขึ้น ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอาคารเขียวระดับสากลอย่าง LEED V4.1 , WELL และ TREES
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวนวัตกรรมสีรักษ์โลก "TOA Shield Expert" สีน้ำ 2in1 สูตรพร้อมใช้ ไม่ต้องผสมน้ำ ไม่ต้องทารองพื้น เพราะได้ผสานคุณสมบัติของสีทับหน้ารวมรองพื้นเข้าไว้ด้วยกันในกระป๋องเดียว สะดวก รวดเร็ว ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มความสะดวกสบาย ลดการใช้ทรัพยากร ลดปริมาณขยะ ช่วยยืดอายุการใช้งานของสี ทนทานนาน 10 ปี ปลอดภัย ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการรับรองด้วยฉลาก CFR ตอบรับนโยบาย TOA GREEN MISSION ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยลด ภาวะโลกเดือด การันตีจากพันธมิตรโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำร่วมวิจัยพัฒนาและใช้จริงมากมาย พร้อมส่งต่อสู่ผู้บริโภคผ่านร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำทั่วประเทศ
"นี่จึงเป็นการแสดงถึงบทบาทของผู้นำตลาด ในฐานะผู้ผลิตสีทาอาคารและสารเคลือบพื้นผิวครบระบบที่มุ่งตอบสนองทั้งผู้ใช้งาน สิ่งแวดล้อมและโลกของเรา ที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำของประเทศไทยสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายมุ่งสู่ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065" นายจตุภัทร์ กล่าวทิ้งท้าย