กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ 'บ้านเขา เมืองเรา : Theirs and Ours'
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงบรรยายภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ประจำปี 2566 และทรงเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ "บ้านเขา เมืองเรา :Theirs and Ours" ณ หอศิลป์ กทม.
วันนี้ (11 ธันวาคม 2566) เวลา 08.50 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงาน นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ "บ้านเขา เมืองเรา: Theirs and Ours" โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายตุลย์ หิรัญญลาวัลย์ นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และนายนิติกร กรัยวิเชียร เลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมการถ่ายภาพและคณะกรรมการจัดงานเฝ้า ฯ รับเสด็จ
ภายหลังจากเสด็จถึงหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เสด็จฯ ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 โดยมี นายตุลย์ หิรัญญลาวัลย์ นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กราบบังคมทูลถวายรายงาน นายนิติกร กรัยวิเชียร เลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมการถ่ายภาพ เบิกผู้จัดและผู้สนับสนุนการจัดงานเข้ารับพระราชทานของที่ระลึก
จากนั้น ทรงบรรยายภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ประจำปี 2566 ใจความตอนหนึ่งว่า
“วันนี้ก็ได้พบกันอย่างเคย รวมทั้งภาพต่างๆ ที่อาจได้น้อยกว่าก่อน ๆ นี้มาก เพราะว่ามีโควิด ก็เลยต้องกลัวไว้ก่อน ไม่ได้ท่องเที่ยวอย่างกว้างขวาง อีกอันหนึ่ง ระยะหลังจะขี้ลืมมากกว่าเดิม ต้องมีวิธีต่าง ๆ ที่จะฝึกสมอง การถ่ายภาพและจัดงานน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกสมอง ทำให้สมองดีขึ้น
ภาพ "โกษาปาน" ตอนที่ไปฝรั่งเศส เพื่อไปงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ รูปเอกสารของโกษาปาน ค.ศ. 1686 อยู่ที่ส่วนจัดแสดงเอกสารต่างประเทศของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส จัดแสดงที่ Missions Etrangeres กรุงปารีส เป็นบันทึกเล่าเหตุการณ์ของโกษาปาน
และภาพเอกสารคุณพ่อลามอตต์ ลาโน ที่เป็นผู้เผยแพร่ศาสนาสมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่พอเปลี่ยนรัชกาลแล้วไม่ได้มีความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสอย่างเคย แต่ก็แปลกที่ว่าจากคุณพ่อไป ท่านถูกจับไว้ในเรือนจำ ฝ่ายไทยไม่ได้ให้ข้าวและน้ำเฉยๆ ให้กระดาษและหมึกด้วย ทำให้คุณพ่อเป็นตัวหนังสือที่เขียนเป็นภาษาไทย ท่านใช้เวลาในเรือนจำเขียนเรื่องคำสอนคริสศาสนา เขียนเป็นภาษาไทย ส่วนภาพงานเลี้ยงรับรองทูตไทย อธิบายว่าเป็นงานเลี้ยงรับรองราชทูตไทยที่ไปในครั้งนั้น
ภาพ "พระศรีศากมุนีที่ห้องพระที่นาลันทามหาวิหาร" เป็นวัดญี่ปุ่น เป็นพุทธศาสนา นิกายญี่ปุ่น เมื่อก่อนเคยไป แล้วท่านก็ให้ค้างที่วัด แต่เวลาเดินทางไปทีไร ขาไม่ปกติทุกที ก็ไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้น เขาก็มีล่ามที่แปลภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษ แปลอังกฤษเป็นญี่ปุ่น แต่ก็มีหน้าที่พิเศษต้องมาพยุง ขึ้นลงบันได ก็เห็นใจเขา เรากลับไป ล่ามคงปวดเมื่อยไปทั้งตัว เพราะเราก็น้ำหนักเบาเสียเมื่อไหร่
วัดนี้จัดงานต่างๆ ถวายในหลวง รัชกาลที่ 9 เที่ยวนี้ไม่ได้ไปมาสี่ปี สิ่งที่กลัวที่สุดว่า หลวงพ่อจะไม่อยู่ เพราะตอนที่ไปหลวงพ่อจะไม่อยู่แล้ว เห็นท่านแล้วก็สบายใจ เพราะท่านยังเดินคล่องแคล่ว เรียกชื่อท่านไม่ถูก เรียกท่านว่า พระเนื้ออร่อย และก่อนที่จะไปท่านก็ให้เขียนหนังสือเป็นตัวคันจิ ตัวญี่ปุ่น ที่วัดนี้เสาต้นใหญ่นาลันทามหาวิหาร เสาต้นใหญ่ แต่ละต้นสูง สิบแปดเมตร 6 คนโอบไม่รอบ หินขนมาจากเมืองจีน มีลักษณะเหมือนนาลันทาที่อินเดีย
ภาพ "วัดเทพ พิธีกงเต็กคุณหญิงวรรณา" ประเทศไทย วันที่ 24 มีนาคม 2566 ชอบรูปนี้ เพราะท้องฟ้ามีหน้าตา มีปากยิ้ม เป็นงานพิธีกงเต็กของคุณหญิงวรรณา กงเต็ก คือ การทำคุณงามความความดีระลึกถึงผู้วายชนม์ เขามีพิธีทางศาสนา แต่มีความสำคัญ เดี๋ยวนี้คนทำรูปต่างๆ ด้วยกระดาษ นิยมทำเป็นของที่ผู้วายชนม์เคยใช้ หรือบ้านช่องต่างๆ ของเขา พาหนะของเขา คนที่ทำงานกระดาษด้วยฝีมือที่ดี
คนที่ทำงานกระดาษฝีมือดีแบบนี้นี้ก็หาได้ยาก คนที่จะทำได้ ก็ทำบุญระลึกถึงบรรพบุรุษผู้วายชนม์ อีกอย่างเป็นการอนุรักษ์ศิลปะอย่างหนึ่งเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่สมัยนี้ทำเล็กๆ พอเป็นพิธีที่เหลือจะทำบุญ ให้โต๊ะเก้าอี้ เตียงที่นั่งได้ ข้าวของต่างๆ ที่ใช้ได้ไปถวายวัด ให้โรงเรียน โรงพยาบาล เพื่อเป็นการทำบุญ แต่ส่วนที่จะรักษาวัฒนธรรมก็ทำเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่เพื่อรำลึกถึงผู้วายชนม์ เพื่อรักษาศิลปวัฒนธรรมไว้"
ต่อมา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายถึงพิพิธภัณฑ์เอ็มพลัส เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกอบด้วย "ภาพนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์เอ็มพลัส" แปลว่า Museum and More ภาพเอ็มพลัส ห้องนี้เข้าไปแล้วงง มีกระจก
"ภาพนิทรรศการศิลปะสมัยใหม่ในเอ็มพลัสเหมือนจะเป็นนามบัตร แต่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ว่าพิพิธภัณฑ์ที่เพิ่งสร้างใหม่ เรียกว่า เอ็ม พลัส ถามเขาว่า แปลว่าอะไร เขาบอกว่า Museum and More คำว่า More หมายถึงประวัติศาสตร์ การออกแบบ การสั่งสมทางวัฒนธรรม
อันนี้เป็นรูปที่สำคัญของศิลปินที่มีชื่อเสียง ยาโยอิ คุซามะ ท่านมีปัญหาทางด้านจิต ต้องอยู่ในที่ดูแลรักษา ท่านอายุ 94-95 ปี เค้าเล่าว่า สมองดี ถึงเวลาพาไปที่สตูดิโอ ทำงานศิลปะ งานศิลปะหล่อเลี้ยงชีวิตเค้า ทำให้เค้าอยู่ได้ เค้าเป็นคนที่สร้างสรรค์ มีจิตใจที่ดี ชอบทำงานประติมากรรมและอินสตอลเลชั่น นำมาแสดงที่ฮ่องกง
ภาพ "เหล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สวนปทุมวนานุรักษ์" ศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนไม่ทราบ แต่ว่าดูหน้าตาศักดิสิทธิ์ เห็นวางอยู่ที่มุมหนึ่งของสวนปทุมวนานุรักษ์ ที่ตรงนั้น ตอนแรกเราคิดว่าจะทำเป็นสวนสาธารณะ ปลูกต้นไม้ให้คนมาชมสวน ออกกำลังกายได้จะดีกว่า จากที่ตอนแรกเขาคิดว่าจะทำศูนย์การค้า เราบอกว่า ศูนย์การค้ามีเต็มไปหมดเลยตอนนั้น เยอะแยะ เปลี่ยนแนวบ้างเป็นสวนสาธารณะ คนจะได้เข้าไปพักผ่อนหย่อนใจได้ ก็มีคนดูแล ผู้ว่าฯ กทม.ก็ช่วยดูแลด้วย แต่เหล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ใครเป็นคนไปตั้งก็ไม่ทราบ
ภาพ "คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร" เป็นที่ที่ใหญ่มาก และมีของเป็นแสน ๆ ชิ้น เก็บอย่างมีระเบียบระบบ และนำมาจัดแสดงภาพ แผ่นจปร.ที่สะพานเฉลิมหล้า หรือสะพานหัวช้าง ภาพหนังสือสมุดไทยเรื่องพระมาลัย มีภาพประกอบ และภาพนักวิทยาศาสตร์ซ่อมและทำความสะอาดศิลปวัตถุที่คลังกลางด้วย"
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายถึงสัตว์เลี้ยงวังสระปทุม
"ด.ญ.ละมุนละไม" ชื่อนี้ต้องตั้งชื่อตัดไม้ข่มนาม เขาไม่ละมุนละไมเลย ในนิทรรศการมี 3 ภาพ มีละมุนละไม ฮ้อเซียงโก เป็นชื่อแปดเซียน น้องฮ้อประจบรักพี่ละมุนมาก ตอนแรกไม่อยากได้น้องฮ้อเพราะกลัวพี่ละมุนเสียใจ แต่น้องฮ้อประจบมาก เขาจะมองหากัน และมีคุณป้าโป๊ยกั๊ก ไม่ค่อยแข็งแรง เพราะอายุ 15-16 ปี แล้ว กินเก่งมาก ภาพกิ้งก่าตะมุตะมิที่เฉลียงวังสระปทุม เวลาพยาบาลถาม ตะมุตะมิ แปลว่าอะไร แปลว่า น่ารัก
ภาพ "พิพิธภัณฑ์ผ้า งานสิริราชพัสตราบรมราชินีนาถ Decades of Style : The Royal Wardrobe" รูปนี้ในพิพิธภัณฑ์ผ้าในพระบรมมหาราชวัง อดีตเป็นกระทรวงการคลัง อาคารนี้จริงๆ เป็นอาคารที่สำคัญมาก ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงปฏิรูปบ้านเมืองครั้งสำคัญ การจะปฏิรูปบ้านเมืองให้ดีได้ ต้องใช้เงินทอง ซึ่งมาจากการเก็บภาษี โดยจะมีเก็บภาษีที่หอรัษฎากรพิพัฒน์ เป็นสถานที่ทำคัญในการปฏิรูปบ้านเมืองไทย ตอนนี้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ผ้า ซึ่งภาพนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานสิริราชพัสตราบรมราชินีนาถ
ภาพ "ได้ทำบุญ" ให้ชื่อว่าได้ทำบุญ มีคนมาขายล็อตเตอรี ก็ซื้อเขาใบเดียว แต่ถูกนะ (ทรงพระสรวล) จริงๆ ก็ขายไปทั่ว กะจะได้ 4,000 บาท ก็ได้เงินทำบุญโรงพยาบาล 2,000 บาท
ภาพ "ปักกิ่งจัดงานฉลองไปเมืองจีนครบ 50 หนที่จริงเกิน 50 หน" ภาพนี้ได้เมื่อตอนไปเมืองจีนวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ทางการจีนบอกว่าจะงานฉลองไปเมืองจีน 50 ครั้ง ที่จริงไปเกิน 50 ครั้งแล้ว แต่นับไปนับมา ไม่ทราบทำไมได้ 50 ครั้ง แล้วใครๆ ก็ดีใจมากันใหญ่ อย่างเช่นคุณครูที่เคยสอนจะมาคุยบอกว่าตื่นเต้นไม่ได้เจอกัน ปกติต้องเจอกันทุกปี แต่น่าไม่ได้เจอกัน 3-4 ปี คิดถึงมาก
บางท่านก็มาไม่ได้ ส่วนมากก็ชราหรือมีธุระ คงจะด่วน หลายท่านไม่ได้มา ก่อนหน้านั้น ก็ไปมณฑลกวางตุ้ง นอกจากไปดูงานวิทยาศาสตร์แล้ว ก็ไปดูตุ๊กตาจีน เพราะว่าอยากได้ตุ๊กตาเล็กๆ ไว้กำลังทำบอนไซจะได้ไปนำไปวาง
ภาพสุดท้ายทรงบรรยาย "รวมพล ดร.สุเมธ" พระเอกมาทุกปี ครั้งก็มาให้ถ่ายอีก จะเดาว่า มีดร.สุมเธกี่คน ก็เลยตั้งชื่อว่า รวมพล ดร.สุเมธ ปีนี้ก็น่าจะได้พลพรรค ดร.สุเมธ เพิ่มขึ้นอีก ขอจบการบรรยายแต่เพียงเท่านี้ ภาพถ่ายปีหน้าตอนนี้ก็เตรียมรูปแล้ว
ต่อมา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จ ฯ ขึ้น ณ ชั้น 9 เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ซึ่งในปีนี้ได้จัดภายใต้ชื่อนิทรรศการ "บ้านเขา เมืองเรา : Theirs and Ours" นอกจากนี้ ยังทรงจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ประจำปี 2566 แก่ผู้ที่มาร่วมงานอีกด้วย
นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2566 หัวข้อ "บ้านเขา เมืองเรา : Theirs and Ours" จัดโดยสมาคมถ่ายภาพแห่งประทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และมูลนิธิส่งเสริมการถ่ายภาพ ด้วยการสนับสนุนจาก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ
เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสร่วมตามรอยเสด็จฯ และชื่นชมพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ทรงบันทึกไว้ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในระหว่างปี 2565 - 2566 เพื่อจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ จำนวน 150 ภาพ โดยแต่ละภาพที่นำมาจัดแสดง นอกจากเป็นภาพที่สวยงามทรงคุณค่าทางศิลปะการถ่ายภาพแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองจากสายพระเนตรที่ทรงประสบพบเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ทรงสนพระราชหฤทัยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่าย อีกทั้งยังให้ข้อคิดเตือนใจในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้มาชมภาพที่เปรียบเสมือนการเล่าเรื่องผ่านภาพถ่ายของพระองค์ท่าน
นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2550 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ เพื่อนำมาจัดแสดงนิทรรศการ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นความรู้แก่นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป
สำหรับ นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ "บ้านเขา เมืองเรา : Theirs and Ours" ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 10.00-20.00 น.
และมีการจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ "บ้านเขา เมืองเรา : Theirs and Ours" ในราคาเล่มละ 900 บาท ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (สี่แยกปทุมวัน) และศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้รายได้ทั้งหมดนำขึ้นทูลเกล้าถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย