กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงออกหน่วยพอ.สว. อีสาน
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงออกหน่วยพอ.สว. อีสาน ระหว่างวันที่ 9-12 มกราคม 2567
ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนชาวไทย เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ในการพระราชทานความช่วยเหลือด้านการแพทย์ พยาบาล และการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานแก่ประชาชนชาวไทยให้ห่างไกลปลอดภัยจากโรคต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
นับตั้งแต่ที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) เมื่อปีพุทธศักราช 2552 เป็นต้นมา เพื่อสืบสานตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “พระมารดาแห่งการสาธารณสุขไทย” และพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในการเสด็จไปทรงตรวจเยี่ยมเพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์ พอ.สว. ทั่วประเทศ
เปิดศักราชปี 2567 นับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวง แก่ประชาชนชาวไทยในท้องถิ่นอีสาน ที่เสด็จมาทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุขด้วยพระองค์เอง ในการพระราชทานโอกาสและการเข้าถึงการักษาพยาบาล การป้องกันโรค การส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพอนามัยของประชาชนผู้เจ็บป่วยที่ยากไร้อย่างมีคุณภาพ ภายใต้การดำเนินงานของ หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว. ในพื้นที่ของจังหวัดยโสธร จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 9-12 มกราคม 2567
เมื่อเสด็จไปถึงพื้นที่ทรงงาน พระราชทานพระวโรกาสให้แพทย์ผู้ตรวจรักษานำผู้ป่วยเฝ้า ซึ่งพบว่าป่วยเป็นโรคเรื้อรังที่มีความรุนแรง อาทิ โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลืองอักเสบ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคกระดูกสันหลังผิดปกติ โรคลิ้นหัวใจรั่ว โดยทรงมีพระปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยในแต่ละรายด้วยความห่วงใยและสนพระทัยยิ่ง
พร้อมกับทรงมีพระวินิจฉัยร่วมกับคณะแพทย์ผู้ดูแล เพื่อหาแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ทรงมีพระเมตตารับผู้ป่วยที่นำเฝ้าทุกรายไว้เป็นคนไข้ในพระอนุเคราะห์ เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมกับพระราชทานเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิจุฬาภรณ์ แก่ผู้ป่วยในพระอนุเคราะห์ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเดินทางไปรักษาตัวต่อไป ซึ่งมูลนิธิจุฬาภรณ์ เป็นหน่วยงานในพระดำริฯ ที่ดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์ด้านต่าง ๆ เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้และด้อยโอกาสทั่วประเทศ ตลอดจนส่งเสริมการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์และสาธารณสุข อันเป็นประโยชน์โดยรวมของประเทศ