ในหลวง-ราชินี ทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
วันนี้ (12 ธันวาคม 2567) เวลา 17.11 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายหาญ จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการดำเนินการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) คณะกรรมการจัดงานฯ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จ
ในการนี้ เสด็จเข้าพลับพลาพิธี, ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล
ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี 2568, รัฐบาลไทยร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้จัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึง 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นเวลา 73 วัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเพื่อให้ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้สักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและประเทศชาติ ตลอดจนเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างทั้งสองประเทศ
ต่อจากนั้น ทรงจุดไฟจากโคมไฟฟ้า พระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธี เชิญไปตั้งที่มณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)
จากนั้น เสด็จขึ้นมณฑปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ หน้าห้องกระจก ชั้น 3 ทรงวางพุ่มดอกไม้ แล้วเสด็จลงมายังมณฑปฯ ชั้น 2 ทรงวางพวงมาลัย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ทรงกราบ
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เชื่อกันว่าเป็นพระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้ายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความยาวประมาณ 1 นิ้ว ประดิษฐานในพระสถูปทองคำประดับอัญมณีล้ำค่าตามลักษณะศิลปกรรมแบบจีน พระเขี้ยวแก้ว องค์นี้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัฐบาลไทยเคยอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เมื่อปี 2545
ต่อจากนั้น ทรงพระดำเนินไปยังพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพุทธมามกะ และเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ทรงทำนุบำรุง ศาสนาทั้งปวง ทรงเลื่อมใสและพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา กับมีพระราชปณิธาน ในการทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองและธำรงไว้อย่างมั่นคงถาวรสืบไป
พุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตศรัทธา สามารถเดินทางไปถวายสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ได้ในเวลา 7 นาฬิกา ถึง 20 นาฬิกา เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต จัดเตรียมดอกไม้สำหรับถวายสักการะ พร้อมมอบรูปภาพพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) และน้ำดื่มไว้บริการแก่ผู้ที่ไปถวายสักการะฯ ด้วย