ในหลวง-ราชินี เสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันมาฆบูชา 2568

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปีพุทธศักราช 2568
วันนี้ (12 ก.พ. 2568) เวลา 17.24 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา พุทธศักราช 2568 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
เมื่อเสด็จเข้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, ทรงจุดเทียนรุ่ง, ทรงวางกระทงดอกไม้บนพานหน้าฐานชุกชี, ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่ง แล้วทรงจุดเทียนห่วงบูชา พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ต่อจากนั้น ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย, ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ
สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ
จากนั้น พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองพระราชพิธี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเทียนชนวน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหยิบเทียนชนวนจุดไฟที่โคมไฟฟ้า แล้วพระราชทานเทียนชนวนที่ทรงจุด ให้รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองพระราชพิธี เชิญไปถวายเจ้าอาวาสพระอารามหลวง จุดเทียนรุ่งที่ทรงพระราชอุทิศพระราชทาน จำนวน 5 พระอาราม ได้แก่ วัดบวรนิเวศราชวิหาร, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร, วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร และวัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จากนั้น พระสงฆ์ 32 รูป เจริญพระพุทธมนต์ เสร็จแล้ว ทรงโปรยดอกมะลิที่ธรรมาสน์ศิลา และทรงจุดเทียน ดูหนังสือเทศน์พระราชทานให้เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปตั้งที่ธรรมาสน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงศีล พระเทพวัชรกิตติ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดโสมนัสราชวรวิหาร ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง “โอวาทปาฏิโมกขกถา” จบแล้ว ทรงหลั่งทักษิโณทก
แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงยืนประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ ถวายอดิเรก จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงกราบ ที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกจากพระอุโบสถ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
วันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา เป็นวันที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการ คือ พระสงฆ์ 1,250 รูป ได้มาประชุมพร้อมกันยังวัดเวฬุวัน โดยมิได้นัดหมาย เพื่อสักการะพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ทั้งหมดนั้น เป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง พระสงฆ์ทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6 และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญเดือน 3 จึงเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4 โดยพระพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นหลักธรรมคำสอนสำคัญ อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา สรุปใจความสำคัญได้ว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"
สำหรับ การพระราชกุศลมาฆบูชา เริ่มมีขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ 4 เนื่องจากพระองค์ทรงพระราชดำริว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในพระพุทธศาสนา, ซึ่งพุทธศาสนิกชน ควรจะได้มีการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในหนังสือพระราชพิธี 12 เดือน ว่าเพิ่งมีขึ้นสมัยรัตนโกสินทร์ในรัชกาลที่ 4 โดยเวลาเช้าพระสงฆ์ 30 รูป ฉันภัตตาหารในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำเสด็จออก ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาฏิโมกข์ ทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ 1,250 เล่ม แล้วเทศนาโอวาทปาฏิโมกข์ กัณฑ์ 1 เป็นภาษาบาลีและภาษาไทย ถือเป็นราชประเพณีสืบมา
ทั้งนี้ ตามปฏิทินจันทรคติของไทย วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 , แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส หรือมีเดือนแปดสองหน จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 โดยในปีนี้ วันมาฆบูชา ตรงกับวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567