พท.ชูธงดันเป้า "แลนด์สไลด์-แก้รธน." ชำแหละ6หลุมดำวิกฤติรัฐบาล
เพื่อไทย ชูธงดันเป้า "แลนด์สไลด์" "จาตุรนต์" ลั่นได้เป็นรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาประชาชนทันที ด้าน "ชัยเกษม" ชี้รัฐธรรมนูญ60 อุปสรรค-ฝันร้ายประชาชน ยันเดินหน้าแก้ทันทีเมื่อมีโอกาศ ขณะที่ชลน่านชำแหละ6หลุมดำวิกฤติรัฐบาล
ในการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย "แลนด์สไลด์ เพื่อไทย เพื่อคนไทยทุกคน" นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า ในสถานการณ์ที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิญกับวิกฤต เนื่องจากความผิดพลาด บกพร่อง ไร้ประสิทธิภาพและไร้ความสามารถของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แต่แม้แต่เรื่องเดียว
พรรคเพื่อไทย ที่มีความต่อเนื่องในเรื่องของผลักดันนโยบายในการแก้ไขปัญหาประชาชนและพัฒนาประเทศ รวมไปถึงการต่อสู้กับเผด็จการและเรียกร้องประชาธิปไตย มีภารกิจสำคัญบนบ่า 2 มิติ คือ 1. การสร้างนโยบายในการแก้ปัญหาให้ประชาชนและพัฒนาประเทศแ และ 2. การเดินหน้าสร้างประชาธิปไตย
แต่ทั้ง 2 เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล
ทั้งนี้พรรคไทยรักไทย ก่อเกิดขึ้นภายหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ขณะที่ประชาชนโหยหาทางออกจากวิกฤตประเทศ มีผู้นำที่ชื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร จนในการเลือกตั้งครั้งต่อมา ปี 2548 ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถึง 377 เสียง มากที่สุดในประวัติศาสตร์
รวมทั้งได้ทำใน 2 ด้านสำคัญ คือการแก้ปัญหาความยากจนให้ประชาชนและสร้างความเป็นโมเดิร์นไนซ์ไทยแลนด์ แต่ต่อมาก็เกิดการรัฐประหาร 2549 ซึ่ง จุดเริ่มต้นของวิกฤต เพราะเป็นการก่อการในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังดี ประชาชนกำลังได้ล้มตาอ้าปาก มีกินมีใช้ ประเทศกำลังก้าวไปเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคและระดับโลก
ขณะที่การยุบพรรคไทยรักไทย เป็นหนึ่งในแผนบันได 4 ขั้น แต่แผนนั้นก็ต้องล้มไป เพราะเมื่อยุบพรรคไทยรักไทยก็ก่อเกิดพรรคพลังประชาชน ในการเลือกตั้งปี 2550 และได้แสดงความต่อเนื่องของความเป็นพรรคการเมืองที่ชูธงประชาธิปไตย โดยเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับให้เป็นประชาธิปไตย จนเกิดการโค่นล้มรัฐบาล โค่นล้มนายกรัฐมนตรี 2 ท่านและยุบพรรคในที่สุด
กระทั่งมีพรรคเพื่อไทยได้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ก็เกิดความเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มพยายามสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชนว่า ถ้ามีรัฐบาลจากการเลือกตั้งบ้านเมืองก็จะวุ่นวายเป็นข้ออ้างให้เกิดการรัฐประหารในปี 2557
พรรคเพื่อไทย เดินหน้าต่อต้านการรัฐประหารและคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จนทำให้นักการเมืองของพรรค ถูกจับดำเนินคดีและต้องติดคุกเป็นคนแรกๆ
เบื้องหน้าของเรามีความท้าทายใหญ่ที่ประเทศต้องเผชิญ 8 ข้อ
1. เศรษฐกิจตกต่ำ 2. ไม่มีรายได้ ของแพง ค่าแรงต่ำ 3. หนี้สาธารณะสูง และเงินถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า หนี้ครัวเรือนสูง 4. ความเหลือมล้ำอันดับต้นๆ ของโลก 5. ขีดความสามารถต่ำ ล้าสมัยไม่ทันโลก การศึกษาไม่มีอนาคตสำหรับเยาวชน
6. สังคมสูงวัย 7. โลกร้อนที่ใกล้ตัวเข้ามาแต่ไม่มีการจัดการ และ 8. การไม่มีเสรีภาพของประชาชนและความไม่เป็นประชาธิปไตยของประเทศ
“ดังนั้นในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เราต้องบอกกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่า ถ้าจะแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองและทำให้พี่น้องพ้นจากความเดือดร้อน ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และเราจะต้องไม่ชนะธรรมดา แต่ต้องชนะอย่างถล่มทลาย ต้องแลนด์สไลด์เพื่อไทย แล้วเราจะทำให้ดียิ่งกว่าที่เคยทำมาในอดีต”
00 "ชัยเกษม" ยัน เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญเมื่อมีโอกาส00
ด้านนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านการตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมและอำนาจรัฐ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญที่ดี ต้องสามารถสร้างชีวิต สร้างความฝัน สร้างความหวังให้กับประชาชนทุกคน รัฐธรรมนูญที่อยู่ในครรลองประชาธิปไตยสากลจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศชาติพัฒนา ยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างสง่าผ่าเผยและภาคภูมิใจ
นายชัยเกษม ยังกล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทย ได้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายครั้ง และเคยเสนอแก้ไขหลายประเด็นเพื่อคืนประชาธิปไตยให้ประเทศ และยืนยันที่จะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกเมื่อมีโอกาส แม้จะรู้ว่าภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราจะแพ้เสียงข้างมากของฝั่ง ส.ว. และ ส.ส. ฝั่งรัฐบาล
ตลอด 8 ปีที่ผ่านมามีกฎหมายหลายฉบับที่เป็นอุปสรรคและฝันร้ายของประชาชน โดยเฉพาะกฎหมายที่มาจากคณะรัฐประหารของพลเอกประยุทธ์ รัฐธรรมนูญ 2560 จึงถือเป็นวิกฤตของชาติ เพราะแค่จุดเริ่มต้นที่มาของรัฐธรรมนูญก็เต็มไปด้วยเล่ห์กล และเป็นอุปสรรคขวากหนาม เพื่อหาช่องทางให้ตนเองและพวกพ้องสืบทอดอำนาจได้ต่อไป ผ่านกลไก ส.ว. หรือยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
“กฎหมายไทยวันนี้ไม่ต่างอะไรกับโซ่ที่รัดคอประชาชน เป็นเครื่องมือที่รัฐจงใจนำไปใช้อย่างผิดรูปจนกระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อพรรคพวกตัวเอง ซึ่งเป็นคนไม่กี่กลุ่ม ประชาชนไม่ได้เกลียดรัฐบาลอย่างเดียว แต่เกลียดรัฐธรรมนูญที่ทำลายชีวิตพวกเขาด้วย”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาความยุติธรรมสองมาตรฐาน หรือ ไม่มีมาตรฐานในความยุติธรรม
“ขอยืนยันข้อเรียกร้องเดิมที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ใน งานพรุ่งนี้เพื่อไทยที่จังหวัดขอนแก่นว่า ต้อง ‘ปล่อยนักโทษทางความคิด’ ที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐบาลทุกคน เพื่อฟื้นฟูหลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักยุติธรรม กฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยกันอีกครั้งให้เป็นรูปธรรม” นายชัยเกษม กล่าวย้ำ
00 "ชลน่าน" ชำแหละ6วิกฤติรัฐบาล00
ขณะที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าความสิ้นหวังของประเทศ เกิดจากคนเพียงกลุ่มหนึ่ง ที่เสพติดอำนาจ และทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจ สร้างรัฐธรรมนูญที่ผูกขาดอำนาจไว้กับรัฐราชการและพวกพ้อง โดยประเทศและประชาชนตกเป็นเหยื่อ
ตลอด 8 ปีภายใต้การปกครองและการบริหารของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้คนไทยต้องพบกับ 6 หลุมดำที่นำไปสู่ทางตันของประเทศและประชาชน ดังนี้
1. วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ คนจนล้นประเทศแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน หนี้ครัวเรือนสูงสุดในประวัติศาสตร์ ธุรกิจปิดตัวล้มตาย แรงงานตกงานสูงสุดทำลายสถิติ
2. วิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ จากการรับมือที่ผิดพลาด ปล่อยประชาชนเผชิญกับภัยของโรคระบาดตามยถากรรม
3. วิกฤตผู้นำที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมโลก สร้างความอับอายให้ประเทศ และทำให้การต่อรองทางการทูต ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ ที่ประชาชนควรได้รับ กลับหายไป
4. วิกฤตการเมือง วิกฤตประชาธิปไตยที่เสื่อมโทรม รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ การละเมิดสิทธิมนุษยชนทำลายผู้เห็นต่างโดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ ทำลายระบบรัฐสภาด้วยการทำลายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ซื้อขายตัวนักการเมือง ทำลายมาตรฐานทางการเมืองที่ควรจะเป็นอย่างรุนแรงมากสุดเป็นประวัติการณ์
5. วิกฤตหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติงบประมาณที่ไม่ได้สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ไม่สร้างรายได้ หนี้สาธารณะของประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ความเป็นอยู่ของประชาชนไม่ได้ดีขึ้นแถมยังดับฝันอนาคตลูกหลานด้วยหนี้ก้อนโตที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศในระยะยาว
6. วิกฤตคอร์รัปชันที่รุนแรงมากที่สุดเท่าที่ประเทศเคยมีมา
“เราไม่อาจยอมรับชะตากรรมเช่นนี้ได้อีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ต้องออกจากวิกฤตนี้และทางออกเดียวที่เรามีวันนี้คือ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกไป พรรคเพื่อไทยต้องกลับมา” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว พร้อมย้ำว่า “วันนี้เรามั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยคือทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะพาพี่น้องชาวไทยออกจากหลุมดำแห่งความทุกข์ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาได้”
.
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวอีกว่า จากประสบการณ์และความสำเร็จของพรรคเพื่อไทยตลอดเวลาที่ผ่านมา รวมไปถึงคำสัญญาที่ยึดมั่นและจุดยืนอุดมการณ์ แม้ที่ผ่านมา 8 ปีพรรคจะตกอยู่ในฐานะฝ่ายค้าน แต่ก็เป็นต้นไม้ต้นใหญ่ที่ได้ผลัดใบหลายครั้งเพื่อตอบสนองโลกยุคใหม่ ในวันนี้จึงกล้าพูดว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างระหว่างผู้มีประสบการณ์ในการเป็นรัฐบาล กับ คนรุ่นใหม่ที่อยากใช้พลัง ความรู้ความสามารถเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ อีกทั้งยังมีส่วนผสมระหว่าง ส.ส. พื้นที่ ที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนกับผู้บริหารพรรค ที่ตอบสนองการมองภาพใหญ่เชิงนโยบายในการแก้ไขปัญหาของประเทศ
.
“วันนี้เราขอประกาศว่า ถึงเวลาแล้ว และเราพร้อมแล้ว ที่จะเข้ามารับช่วงต่อประเทศในยามมืดมนที่สุด ทุกข์ทรมานที่สุด เพื่อขจัดฝันร้ายให้พี่น้องประชาชน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
.
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวย้ำว่า นับตั้งแต่พรรคไทยรักไทยในปี 2544 ถึงเพื่อไทยในปี 2565 ไม่ว่าจะผ่านการเลือกตั้งกี่ครั้งเราชนะทุกครั้ง แต่ในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทยได้มี ส.ส. มากที่สุดถึง 136 ที่นั่งแต่กลับไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะมี ส.ว. 250 คน ที่พร้อมจะโหวตให้กับผู้มีอำนาจที่เลือกพวกเขาเข้ามา บทเรียนครั้งนั้นสอนเราว่า การเลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
.
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปเราต้องไม่ใช่แค่ชนะ แต่ต้องชนะให้ขาด จะต้องเป็นการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์ ด้วยเก้าอี้ในสภาเกิน 250 ที่นั่งเพื่อเป็นข้อการันตีว่า รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ ไม่มีวันบริหารประเทศนี้ได้
.
“เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นฝ่ายค้าน เราเกิดมาเพื่อเป็นรัฐบาล เป็นเครื่องมือของประชาชน ทำงานให้ประชาชน ให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมขอโอกาสให้พรรคเพื่อไทย ได้แสดงศักยภาพอีกครั้ง ” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว