"ฮาร์ท สุทธิพงศ์" ศิลปินชื่อดังเข้ารับข้อหา "ม.112" เจ้าตัวรับเครียด-งานหด
"ฮาร์ท สุทธิพงศ์" นักร้อง นักดนตรี ชื่อดัง พบพนักงานสอบสวนเพื่อรายงานตัว ตามหมายเรียกมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คดีที่ 2 เจ้าตัวรับ เครียด เพราะคนใกล้ชิดเป็นห่วง และงานหด
26 เม.ย. 2565 ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง นาย สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือ ฮาร์ท นักร้อง นักดนตรี และพิธีกร พร้อมด้วย กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรายงานตัว ตามหมายเรียกมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งมี พ.ต.ท.อธิชย์ ดอนนันชัย รองผู้กำกับ (สอบสวน) สน.นางเลิ้ง เป็นผู้ออกหมายเรียก โดยครั้งนี้ถือเป็นคดีตามมาตรา 112 คดีที่ 2 ที่ฮาร์ท-สุทธิพงศ์ ถูกแจ้งความ
ฮาร์ท กล่าวว่า คดีนี้อาจจะสืบเนื่องจากการที่ตนแชร์เนื้อหาจากเพจ Royal World Thailand - รอยัล เวิลด์ ประเทศไทย จากนั้นจึงได้ลบเนื้อหาดังกล่าวไป อย่างไรก็ตาม ต้องรอการยืนยันจากสำนวนฟ้องก่อน
ขณะที่คดีครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2564 นั้น สืบเนื่องมาจากปี 2564 ที่ตนโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ซิโนแวคของรัฐบาล ซึ่งมีใจความว่า วัคซีนเจ้านายขายไม่ได้ เลยต้องให้ลิ่วล้อมาช่วยทำการตลาด จึงอาจถูกเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับความผิดในมาตรา 112
ฮาร์ท ยอมรับว่ามีเครียดอยู่บ้างหลังถูกแจ้งดำเนินคดี เนื่องจากแม่และผู้ใกล้ชิดในครอบครัวมีความเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนจะยังไม่ลดระดับการแสดงความคิดเห็นของตนเองลง พร้อมกับจะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของผู้มีอำนาจในรัฐบาลต่อไปเช่นที่เคยทำมาอย่างต่อเนื่อง
“ทุกวันนี้ผมก็ยังวิจารณ์ ก็คงต้องระมัดระวัง แต่ผมก็ยังคงเส้นคงวา ผมก็ยังวิจารณ์ ยังกระเซ้า ยังแขวะ ผู้นำในประเทศอยู่ ผู้นำในที่นี้หมายถึง คนที่มีอำนาจ คนที่มีตำแหน่งในรัฐบาลที่เขามีอำนาจ ในการบริหารบ้านเมือง อันไหนที่ผมเห็นว่ามันไม่เข้าท่า ผมก็จะวิจารณ์ การวิจารณ์เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ผมบอกกับลูกของผมเสมอว่า ป่ะป๋าให้กำเนิดหนูมา เลี้ยงหนูมาก็จริง แต่หนูก็ต้องอย่าลืมว่าป่ะป๊าก็เป็นมนุษย์มีความเสื่อมถอย ทั้งร่างกาย และความคิด”
เมื่อถามว่า ปฏิกิริยาของคนในวงการบันเทิงต่อการดำเนินคดีครั้งนี้ ฮาร์ท ระบุว่า ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เพราะไม่ถือเป็นข่าวดัง หลายคนอาจพลาดหัวเห็นว่าเป็นคดี 112 โดยไม่ได้สนใจว่าต้นสายปลายเหตุที่โดนแจ้งความคืออะไร อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่ออาชีพศิลปินของตนด้วย เพราะเมื่อมีการดำเนินคดีเช่นนี้ การจ้างงานก็หายไปค่อนข้างมาก