"สุชาติ" ชี้ "นายกฯคนนอก" ไร้สาระ เผย ถ้าเจอ "ธรรมนัส" จะให้สอนคุม "พรรคเล็ก"

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวนายกฯสำรองว่า รู้สึกงงเรื่องนี้ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้ชี้แจงแล้ว คิดว่าไม่น่าใช่ประเด็น ไม่อยากคิดอะไร ถ้าถามว่ากระแสข่าวมาจากไหน ต้องถามว่า สื่อไปเอาข้อมูลมาจากไหน 

ผู้สื่อข่าวจึงตอบนายสุชาติว่า มีข้อเสนอจากคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และก็ไปสอดคล้องกับท่าทีของพรรคเศรษฐกิจไทยที่สนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสุชาติ กล่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลอยู่ ไม่มีใครคิดเรื่องนี้ ก็ต้องกลับไปถามคนให้ข่าว หรือคนที่อยู่พรรคการเมืองนั้นว่า คิดจากอะไร ในส่วนพรรคพลังประชารัฐก็ชี้แจงไปแล้ว และพรรคการเมืองอื่นก็ไม่มีใครตอบ เพราะมองว่า ไม่มีสาระ ไม่ใช่เรื่องจริง 

ส่วนข่าวนี้จะถูกใช้เป็นเครื่องมือให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือไม่นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ผู้ใหญ่คงไม่ได้คิด เพราะก็ไม่รู้ว่าคนพูดมีเครดิตขนาดไหน และย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น นายกฯ กับ พล.อ.ประวิตร ที่เดินทางมางานกระทรวงแรงงานวันนี้ ก็นั่งคุยอยู่ด้วยกันดีและตนก็อยู่ด้วย ตนคิดว่าไม่ใช่ และถ้าใครพูดคนหนึ่งหรือสื่อพูด แล้วไปคิดตามหมดไม่ได้หรอก ประเทศจะอยู่อย่างไร ซึ่งเราต้องมีความสามัคคีเพื่อให้ประเทศได้ก้าวผ่านไป

เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย พูดถึงนายสุชาติ ที่ไปรับประทานอาหารกับพรรคเล็กว่า “รัฐมนตรีเฮ้ง ยังต้องเรียนรู้ดูแลพรรคเล็กอีกเยอะ” นายสุชาติ กล่าวว่า ตนก็ได้ดูอยู่ และยอมรับว่า วิทยายุทธของตนอาจจะน้อยกว่า ถ้าเจอก็ต้องสอนตนหน่อย การไปทานข้าวนั้น ตนรู้จักหลายคนก่อนเป็น ส.ส.อีก มีความสนิทสนมกันอยู่แล้ว และพรรคเล็กก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว มีอะไรก็คุยกันได้ บรรยากาศไม่มีอะไร แต่เมื่อมีภาพหลุดไป ก็ไม่ปฏิเสธ เพราะมันคือเรื่องจริง เรากินข้าวกันได้ เป็นผู้แทนฯ ถ้ากินข้าวกันไม่ได้ก็ไม่ใช่เพื่อนกัน

เมื่อถามว่า ผ่านไปสองวันพรรคเล็กก็ไปกินข้าวกับพรรคเพื่อไทย นายสุชาติ กล่าวว่า เห็นมีอยู่คนเดียว คนอื่นไม่ได้ไป แต่พรรคเล็กมาทานข้าวกับตน 15-16 คน

ส่วนที่นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ไปขอข้อมูลฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ขอใช้คำว่า อาพิเชษฐ เพราะรู้จักกันมานาน อาพิเชษฐอายุ 79 ปีแล้ว เป็นรัฐมนตรีมา มีวุฒิภาวะไม่แพ้ใคร และเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ การที่เดินอะไรเกี่ยวกับการเมืองก็เชื่อว่า มีจุดยืนบางอย่าง แต่สุดท้ายในทางการเมืองมีมุมมองของมารยาททางการเมือง จึงเชื่อว่าในเรื่องนี้ไม่มีอะไร และการที่นายพิเชษฐไปทานอาหารกับกลุ่มเพื่อไทยตนก็เคยไปเหมือนกัน ก็เป็นเพื่อนกัน รู้จักกันตั้งแต่ปี 50 ขอให้สื่อสบายใจ 

เมื่อถามว่า แต่นายพิเชษฐ เป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ นายสุชาติ กล่าวว่า นายพิเชษฐเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเยอะมาก มาอยู่พรรคพลังประชารัฐ ก็ได้รับคำแนะนำจากนายพิเชษฐหลายเรื่อง ก็แล้วแต่บุคคล  แต่ตนกับนายพิเชษฐสนิทกัน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคใหญ่ เหมือนกับบริษัทใหญ่ๆ ที่ไม่สามารถรู้จักเพื่อนทุกคนได้ แต่สำหรับตน ให้ความเคารพทุกคน เพราะตนเป็นเด็ก 

เมื่อถามว่า ยังมั่นใจในเสียงของพรรคเล็กที่จะสนับสนุนการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า พรรคเล็กบอกแล้วว่า ขอดูข้อมูลการอภิปราย และดูว่าน้ำหนักเป็นอย่างไร ต้องยอมรับว่า การเป็นผู้แทนราษฎรก็มาจากเสียงประชาชน ถ้า ส.ส.พรรคเล็กจะตัดสินใจวันนี้ หรือจะพูดในอนาคตที่ยังไม่เห็น ก็ไม่มีใครกล้าพูดผูกมัดตัวเอง หลักการพรรคเล็กก็พูดแล้วว่า อยู่พรรคร่วมรัฐบาล และบางคนก็พูดว่า กับนายกฯ ก็ไม่ได้มีประเด็นกันอยู่แล้ว ส่วนถ้ากระทบใครก็ชี้แจงแล้วกัน ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น พรรคเล็กมีผู้แทนที่มีศักยภาพเยอะ

เมื่อถามว่า มองสถานการณ์การเมืองในตอนนี้ที่ค่อนข้างอ่อนไหวอย่างไร  เพราะ ร.อ.ธรรมนัสก็ระบุว่า รอเปิดสภา ทุกคนซ่อนมีดไว้อยู่นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ก็อาจจินตนาการไปเอง สื่อลองไปถามพรรคร่วมรัฐบาลว่า วันนี้มีใครพูดแบบนี้หรือไม่ แต่คนที่พูดไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลเพราะถ้าพรรคร่วมรัฐบาลพูด ก็จะน่ากลัว 

“ท่านก็เป็นพรรคที่สนับสนุนรัฐบาล เพราะตอนที่ท่านและ ส.ส. ออกไป ก็พูดกันชัดเจนในวันนั้นว่า ออกไปก็ยังสนับสนุนรัฐบาล ดังนั้น สิ่งที่พูดวันนั้นกับวันนี้ มันก็ต้องสะท้อนให้เห็นว่า วันที่ท่านออกไปแล้วบอกว่า สนับสนุนรัฐบาล เป็นอย่างนั้นหรือไม่ แต่ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลที่มีอยู่ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้” นายสุชาติ กล่าว