มรสุม “แฟนคลับ-เกลือเป็นหนอน” ลางบอกเหตุ “3 พรรค” พ่ายเลือกตั้ง ?

         ยามนี้ดูเหมือน “ทีมรัฐบาล” ไม่ว่า “พลังประชารัฐ - ประชาธิปัตย์ - ชาติไทยพัฒนา” จะโดนมรสุมกระหน่ำ จากกระแสความไม่พอใจของ “แฟนคลับ” ส่อสะเทือนถึง “พลังศรัทธา” ที่เคยไว้วางใจในการเลือกตั้ง

 

         พรรคการเมือง ล่าสุดที่ โดน คลื่นแฟนคลับซัด และ ชักชวนให้ “ปันใจ” ไปกาคะแนนให้นักการเมืองจากพรรคการเมืองอื่น เพราะหมดศรัทธาจาก“สัจจะ”ที่รักษาไม่ได้ คือ “ชาติไทยพัฒนา”

 

         ปรากฏการณ์นี้ เกิดขึ้น หลัง “สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี” เป็น 1 ใน 3 ทีมไทยลีกฤดูกาลนี้ ต้องตกชั้นลงไปเล่นในลีกพระรอง ซึ่งแฟนคลับของทีมส่วนหนึ่ง ระบายความในใจผ่านแฟนเพจ “ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา” พร้อมทวงสัญญาว่า

 

         เลือดสุพรรณ ไม่มีวันทิ้งกัน แต่ทำไม ถึงทิ้งทีมที่พ่อบรรหารเคยปลุกปั้น จนผลงานทีมฟุตบอลตกต่ำ กลายเป็น “ช้างร่วง” ไม่ใช่ “ช้างศึกยุทธหัตถี” สมฉายาของทีม

         ทว่า “วราวุธ” ก็ไม่อยู่เฉย ตอบกลับความเห็นสั้นๆว่า “สติครับ สติ ขอทำงานเพื่อประเทศก่อน” จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ แฟนบอลสุพรรณฯ เตรียมทิ้ง “ชาติไทยพัฒนา-ตระกูลศิลปอาชา” เทใจไปให้ “พรรคก้าวไกล” ในการเลือกตั้งสมัยหน้า

         ต้องยอมรับว่ากระแส “แฟนบอล” ที่ผูกและแอบอิง “กระแสพรรคการเมือง” มีอยู่ไม่น้อย ดูได้จากหลายสโมสรไทยลีก ทั้ง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ของ “บ้านติยะไพรัช” สุโขทัย เอฟซี ของ “บ้านเทพสุทิน” ชัยนาท ฮอร์นบิล ของ “บ้านนาคาศัย” “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ของ ”บ้านชิดชอบ”

 

         พีที ประจวบ เอฟซี ของ “บ้านศรีอ่อน” อ่างทอง เอฟซี ของ “บ้านปริศนานันทกุล” ศรีสะเกษ เอฟซี ของ "บ้านเครือรัตน์” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ของ “บ้านลิปตพัลลภ” อุดรธานี เอฟซี ของ “บ้านขาวขำ” เป็นต้น

 

         ที่ใช้กระแสแฟนบอล ผันเป็นความนิยมของ “นักการเมือง” ในถิ่นฐาน

 

         บ้านไหนที่ทำผลงานในลีกได้ดีเยี่ยม คว้าแชมป์ แฟนบอล ที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในถิ่นย่อมชื่นชม และผันกระแสเป็นรักทีม และกาคะแนนให้ “คนในบ้าน"

 

         แต่หากผลงานไม่ดี ส่งผลต่อกระแสนิยมในสนามการเมืองด้วยเช่นกัน ซึ่งมีตัวอย่าง ทั้ง ธเนศ เครือรัตน์ เจ้าของศรีสะเกษ เอฟซี  วัชรพล ขาวขำ บิ๊กบอสทีมอุดรธานี เอฟฟซี หรือ สุวัจน์-เทวัญ ลิปตพัลล เจ้าของนครราชสีมามาสด้า เอฟซี ที่ผลงานในลีกเจียนอยู่เจียนไป และมีกระแสข่าวว่า จะขายทีมให้นายทุนใหม่ ทำเอาฐานนิยมนักการเมืองของตระกูล ตกต่ำลงไปด้วย

 

         หรือ อย่างกรณีของสุโขทัย เอฟซีของ “บ้านเทพสุทิน” ที่ฤดูกาลที่แล้วตกชั้น แม้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” จะนั่ง รมว.ยุติธรรม แต่ไม่สามารถประคองกระแส “คลั่งบอล” ทำเอากระแสการเมืองในท้องที่ลดฮวบ แต่เมื่อฤดูกาลนี้ เอาชนะได้เลื่อนชั้น ทำให้มีแต่คำชื่นชม และกระแสนิยม ดีวันดีคืน

         สำหรับ “สุพรรณบุรี เอฟซี” แม้ “ท็อป-วราวุธ” จะถอยฉาก หลังรับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ให้คนใกล้ชิดคุม แต่ดูเหมือนว่าแฟนบอลจะติดความเป็น “ศิลปอาชา” มากกว่า

 

         ดังนั้นต้องจับตากระแสแฟนบอลเลือดสุพรรณบุรี จะส่งผลต่อฐานการเมืองบ้าน “ศิลปอาชา” ใน “จ.สุพรรณบุรี” มากน้อยแค่ไหนในการเลือกตั้งครั้งหน้า

 

         ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐเจอมรสุม “เกลือเป็นหนอน” ในบทบาทของ “พิเชษฐ สถิรชวาล” ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ หลังเลิกทำ “พรรคประชาธรรมไท” และเจ้าตัวก็ตั้งก๊วน “16 ส.ส.” รวบรวม ส.ส.พรรคเล็กร่วมรัฐบาล เปิดเกมท้าทายอำนาจ และสร้างพลังต่อรองทางการเมือง

         ล่าสุด “พิเชษฐ” จับมือกับ “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” เตรียมชี้ตาย “รัฐบาล” คายข้อมูลประมูลโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ไม่โปร่งใส และป่าวประกาศ เตรียม “โหวตสวน” รัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

 

         ทำเอา เรื่องร้อนถึง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องแอคชั่น เพื่อแก้ไขสถานการณ์ระอุ โดยวันนี้ “ทีมยุทธศาสตร์” จะหารือเพื่อหาทางออก

 

         เพราะหากปล่อยให้ “คนภายใน” สาวไส้ แฉเรื่องไม่งามในพรรค แม้ว่าจะแค่ “คนเดียว” สุดท้ายก็อาจเข้าอีหรอบ ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง และไม่เป็นผลดีต่อ “เสถียรภาพรัฐบาล” และการเลือกตั้งครั้งหน้า อาจกลายเป็นประเด็นล่อเป้า ให้“คู่ต่อสู้ทางการเมือง” ดิสเครดิตคะแนนได้ง่าย

         ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ แม้จะคลี่คลายวิกฤติ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ไปได้ระดับหนึ่ง แต่ยังมีผลกระทบต่อกระแสเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่ยุคของ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องสู้เหนื่อยและหนักกว่า สมัย “อภิรักษ์ โกษะโยธิน และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร”

 

         ที่ยังมีฐาน "แฟนคลับ” พรรค-หัวหน้าพรรค และ ฐาน “ส.ก.” เป็นแต้มต่อ แต่ครั้งนี้ เมื่อกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น ห้าม “นักการเมืองระดับชาติ” ลงช่วยหาเสียง แถมเกิดกระแส “ยี้” ผู้นำพรรค รวมถึง ฐาน “ผู้สมัคร ส.ก.” ที่ยังต้องแข่งขันกันสูง ถือว่าเป็นเกมเลือกตั้ง ที่ไม่ง่ายของ “พรรคประชาธิปัตย์”

         จากมรสุม “แฟนคลับ” และการควบคุมพลพรรคให้อยู่ในร่องในรอยไม่ได้ อาจเป็นสัญญาณบอกเหตุหนึ่ง ที่หากไม่เร่งแก้ อาจขยายวง และกลายเป็นบ่อเกิดความพ่ายแพ้ ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า ก็เป็นได้.