ปภ.แพร่ข้อควรรู้-แนะนำวิธีเลือก “คาร์ซีท” อย่างไรให้เด็กปลอดภัย

ปภ.แพร่ข้อควรรู้-แนะนำวิธีเลือก “คาร์ซีท” อย่างไรให้เด็กปลอดภัย

“ปภ.” แพร่ข้อควรรู้-แนะนำประเภท “คาร์ซีท” แบบไหนเหมาะสมกับ “เด็ก” ใช้งานอย่างไรให้ถูกวิธี หลังแพร่ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯฉบับใหม่

จากกรณีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565 โดยมีสาระสำคัญคือ เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งคาร์ซีท บูสเตอร์ซีท ขณะที่เด็กสูงไม่เกิน 135 ซม. ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ห้ามอุ้มนั่งเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2 พันบาทนั้น

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2565 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยแพร่ข้อควรรู้ในการเลือกและใช้งานเบาะนิรภัย (คาร์ซีท) อย่างถูกวิธี เนื่องจากเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือคาร์ซีทเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยยึดเหนี่ยวลำตัวเด็กมิให้พุ่งกระแทกคอนโซลรถ อุปกรณ์อื่นภายในรถหรือกระเด็นออกนอกรถเมื่อประสบอุบัติเหตุหรือเบรกอย่างรุนแรง จึงช่วยลดการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิต เพื่อความปลอดภัย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ประเภทของเบาะนั่งนิรภัย 

  • เบาะนั่งนิรภัยแบบเปลเด็กอ่อน (Infant Carrier Seats)

เหมาะสำหรับทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน เด็กที่มีน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม เด็กต้องมีความสูงไม่เกิน 66 เซนติเมตร ติดตั้งเบาะหลังรถ โดยให้หันไปด้านหลังรถ

  • เบาะนั่งนิรภัยแบบหันไปด้านหลัง (Rear – Facing Convertible Seats)

เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี เด็กต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 13.6 กิโลกรัม ติดตั้งเบาะหลังรถ โดยให้หันไปด้านหลังรถ ศีรษะเด็กกับขอบเบาะต้องมีระยะห่างไม่ต่ำกว่า 1 นิ้ว

  • เบาะนั่งนิรภัยแบบหันไปด้านหน้ารถ (Forward Facing Seats)

เหมาะสำหรับเด็กอายุประมาณ 1 – 5 ขวบ ต้องมีน้ำหนักตั้งแต่ไม่เกิน 18.5 กิโลกรัม ติดตั้งไว้บริเวณเบาะหลัง โดยหันไปด้านหน้ารถ ไหล่ของเด็กต้องอยู่ต่ำกว่าช่องเข็มขัดของเบาะนิรภัย

  • เบาะนั่งนิรภัยแบบเบาะเสริม (Booster)

เหมาะสำหรับเด็กอายุประมาณ 4 – 8 ขวบ เด็กต้องมีน้ำหนัก 18 – 28 กิโลกรัม เด็กต้องมีความสูงประมาณ 142 เซนติเมตร มีเบาะเสริมและพนักพิงหลังที่ช่วยยกลำตัวเด็ก ให้สามารถคาดเข็มขัดนิรภัยที่ติดตั้งมากับรถ 

การเลือกเบาะนั่งให้เหมาะสม 

  • เลือกใช้เบาะนั่งนิรภัยให้เหมาะสม

ทั้งวัย รูปร่าง น้ำหนัก และส่วนสูงของเด็ก ลักษณะของรถและตำแหน่งที่ติดตั้ง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

  • เลือกใช้เบาะนั่งนิรภัยที่ได้มาตรฐาน

มีโครงสร้างแข็งแรง ตัวล็อกแน่นหนา ถอดสะดวก และเนื้อผ้าไม่ระคายเคืองต่อผิวเด็ก 

  • เลือกใช้เบาะนั่งนิรภัยที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ มีอายุการใช้งานไม่เกิน 6 ปี นับจากวันผลิต

เนื่องจากเสี่ยงต่อการชำรุดเสียหายน้อยกว่า รวมถึงมีประสิทธิภาพสูงในการยึดเหนี่ยวและปกป้องเด็กจากอุบัติเหตุ

  • ไม่นำเบาะนั่งนิรภัยที่เคยประสบอุบัติเหตุรุนแรงมาใช้งาน

เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการยึดเหนี่ยวลำตัวเด็กจึงไม่สามารถปกป้องเด็กได้เมื่อประสบอุบัติเหตุ 

  • กรณีนำเบาะนั่งนิรภัยมือสองมาใช้งาน ให้ตรวจสอบโครงสร้างเบาะไม่ให้มีรอยแตกหัก หรือรอยร้าว

รวมถึงมีอุปกรณ์ส่วนประกอบครบทุกชิ้น เพราะวัสดุของเบาะนั่งนิรภัยอาจเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการใช้งานลดลง 

การติดตั้งเบาะนั่งนิรภัย 

  • ติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยให้ถูกวิธี โดยศึกษาจากคู่มือการใช้งานและปฏิบัติตามคำแนะนำ

เนื่องจากวิธีติดตั้งจะแตกต่างกันตามลักษณะของรถและประเภทของเบาะนั่งนิรภัย

  • ตรวจสอบการติดตั้งเบาะนั่งนิรภัย

เมื่อลองขยับเบาะนั่งนิรภัยจะเคลื่อนไปในทุกทิศทางได้ไม่เกิน 1 นิ้ว

  • ยึดติดเบาะนั่งนิรภัยไว้ที่เบาะหลังรถ

โดยกดเบาะนั่งนิรภัยให้แนบชิดกับเบาะรถและพนักพิงหลัง พร้อมสอดเข็มขัดนิรภัยและกดล็อกให้แน่นหนาทุกจุด ไม่ติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยบริเวณเบาะหน้ารถ เพราะหากประสบอุบัติเหตุ เด็กอาจได้รับอันตรายจากการทำงานของถุงลมนิรภัย

 

การใช้งานเบาะนั่งนิรภัยอย่างปลอดภัย 

  • ปรับสายเข็มขัดนิรภัยในระดับที่เหมาะสม

โดยไหล่ของเด็กต้องอยู่ต่ำกว่าช่องเข็มขัดนิรภัย และสามารถคาดเข็มขัดได้กระชับกับลำตัวเด็ก 

  • คาดเข็มขัดนิรภัยของเบาะนั่งนิรภัยให้กระชับ

หากประสบอุบัติเหตุ จะช่วยยึดลำตัวเด็กไม่ให้สะบัดทำให้กระดูกต้นคอหัก 

 

ข้อควรระวังในการใช้งานเบาะนั่งนิรภัย 

  • ห้ามวางสิ่งของไว้กับเด็กขณะนั่งเบาะนั่งนิรภัย

เพราะหากประสบอุบัติเหตุ เข็มขัดนิรภัยอาจทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และเด็กอาจได้รับอันตรายจากสิ่งของพุ่งกระแทก 

  • ไม่ปล่อยให้เด็กเล็กนั่งเบาะนั่งนิรภัยตามลำพัง

เนื่องจากสายเข็มขัดนิรภัยอาจรัดคอเด็ก ทำให้ขาดอากาศหายใจเสียชีวิต 

 

การเลือกใช้เบาะนั่งนิรภัยที่ได้มาตรฐานเหมาะสมกับวัยและรูปร่างของเด็ก รวมถึงติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยและจัดให้เด็กนั่งเบาะนั่งนิรภัยอย่างถูกวิธี  จะช่วยปกป้องเด็กไม่ให้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตกรณีประสบอุบัติเหตุ