"วิโรจน์" ปราศรัยเดือด ชูเปลี่ยนกติกาเป็นธรรม ใช้ยาแรงแก้ปัญหา
วงเวียนใหญ่ระอุ! "วิโรจน์" ขึ้นปราศรัยเดือด ชูเปลี่ยนกติกาให้เป็นธรรม ลั่นแม้มีโครงการดี แต่ถ้าไม่จัดงบใหม่ก็ทำไม่ได้ ยกตัวอย่างแก้ปัญหาเมืองที่ผ่านมา เหมือนกินขี้ไคล "พระบิดา" รักษาโรค ไม่ได้ใช้ยาแรงแก้ปัญหา
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2565 ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยใหญ่ ว่า ทุกครั้งที่คุยกับภาคีเครือข่ายภาคประชาชนทุกคนมีไอเดียดี ๆ แต่ปัญหาคือโครงการดี ๆ ต้องใช้งบประมาณ เราจึงต้องจัดงบประมาณใหม่
“เราเห็นผู้รับเหมารายเดิม ๆ ทำงานที่รับไว้เก่ายังไม่เสร็จ แต่กลับได้โครงการก่อสร้างเพิ่มขึ้นทุกปี นี่คืออาการที่เรื้อรังของกรุงเทพมหานคร ปัญหาเหล่านี้ผมคาดหวังว่าจะมีผู้สมัครคนอื่นช่วยผมพูดบ้าง แต่แม้แต่ผู้เฉียด ๆ ก็ยังไม่มีใครพูด” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ไปดูรถไฟฟ้าสายสีส้มสถานีสุดท้ายควรอยู่ที่สถานีมีนบุรี แต่ทำไมถึงมีการเพิ่มไปอีก 800 เมตร ปลายทางสถานีเป็นที่ดินเปล่า ฝากไปดูด้วยว่า เป็นที่ดินของใคร และที่ดินแบบนี้จะต้องเก็บภาษีลาภลอย ในขณะที่ประชาชนต้องรวมขยะกองรวมหน้าบ้านรอว่ารถจะมาเก็บวันไหน ในขณะที่ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าใหญ่รถขยะมาเก็บให้ได้ทุกวัน นี่คือความไม่เป็นธรรม ขณะที่น้ำเสียส่วนใหญ่ไม่ใช่เกิดจากบ้าน แต่เป็นโรงงานขนาดใหญ่ มีข้อบัญญัติกำหนดว่าต้องเก็บเงิน 8 บาทต่อคิวบ์ แต่กลับถูกยกเลิกอย่างไม่ทราบสาเหตุ แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้กรุงเทพ
“นี่คือปัญหาที่เรื้อรังของกรุงเทพเกิดจากเราไม่มีงบประมาณ แต่ทำไมเราถึงผลักภาระ ต้นทุนของเมืองให้กับประชาชนแทนที่จะให้ ผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นผู้แบกรับ ส.ก. พรรคอื่นไม่แน่ใจว่าจะยอมแก้ข้อบัญญัติเหล่านี้หรือไม่ แต่ ส.ก. พรรคก้าวไกลพร้อมแก้แน่นอน” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ยังพูดถึงเรื่องการปฏิรูประบบรายได้และภาษีหลายเรื่อง เช่น ถ้าเจ้าที่ดินรายใหญ่อยากเสียภาษีที่ดินในราคาถูกลง ควรเอามาทำสวนสาธารณะพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนใช้ประโยชน์ หรือกรณีภาษีป้าย ธุรกิจ Billboard หลายหมื่นล้าน แต่เข้าระบบเพียงแค่ 30% และมีผู้จ่ายภาษีป้ายแค่ 3,000 กว่าราย ซึ่งส่วนใหญ่เก็บจากผู้ประกอบการตัว ในขณะที่นายทุน Billboard งดการเก็บมาตลอด ผู้ว่าและ ส.ก. พรรคก้าวไกลจะเข้าไปแก้ข้อบัญญัติให้เก็บเงินได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
“วิธีคิดของเราไม่เหมือนผู้สมัครคนอื่น แล้วไม่ต้องมาพูดว่าเรา ทำไม่ได้ ไม่กล้าทำ เราไม่ใช่แค่ต้องการเปลี่ยนคนแต่เราต้องการเปลี่ยนเกมนี่คือเหตุผลที่เราเลือกผู้ว่า และ ส.ก.จากพรรคก้าวไกล” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าเราเก็บงบประมาณได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เราจะมีเงินมาอุดหนุนรถเมล์ จะเอาเงินมาเพิ่มสวัสดิการเด็ก ผู้สูงวัย คนพิการ จะเอาเงินไปขุดลอกท่วมเมืองขุดคลองทั่วกรุง จะเอาเงินไปปรับปรุงจุดทิ้งขยะและเพิ่มรถขยะ ดังนั้นถ้ากติกาถูกและการจัดสรรทรัพยากรถูกแก้ไขอย่างเป็นธรรม ในอนาคตไม่ว่าจะมีผู้ว่าฯ กทม.ชื่ออะไร แต่เชื่อว่ากติกาเหล่านี้จะเปลี่ยนไปอย่างถาวร